29.3.53

CSR News_29Mar10

ด.ญ.พนิตตา และด.ญ.นัคมน มรรคาวาณิช นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และ 2 โรงเรียนบ้านไม้เรียบ (ตันติโกวิทบำรุง) ร่วมโยน EM Ball ครั้งที่ 4 เพื่อฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเลบ้านป่าคลอก ในโครงการอนุรักษ์หญ้าทะเลและพะยูน จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา

ปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต และนนทลี มรรคาวาณิช ประธานมูลนิธิมรรคาวาณิช นำทีมโยน EM Ball ครั้งที่ 4 บริเวณแนวหญ้าทะเลบ้านป่าคลอก เพื่อฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเลในโครงการอนุรักษ์หญ้าทะเลและพะยูน จ.ภูเก็ต ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปี 2552 เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลการเจริญเติบโตของหญ้าทะเลจากการใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ (EM) โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน เป็นผู้สรุปผลการวิจัย

ปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต รับบริจาคหนังสือจาก แสงแข ลีลานภาภรณ์ เพื่อนำไปมอบให้พระครูสุวัตถิธรรมรัต(เจ้าอาวาส) ในโครงการทอดผ้าป่าหนังสือและของเล่น เพื่อห้องสมุดเด็กวัดสามัคคีธรรม(ป่าส้าน) อ.คุระ จ.พังงา วันที่ 3 เม.ย.นี้ ผู้สนใจสามารถร่วมบริจาคหนังสือสำหรับเด็ก นิทาน อุปกรณ์กีฬาและของเล่นเสริมจินตนาการ ได้ที่กล่องรับบริจาคแผนกต้อนรับและบริการ ชั้น 1 โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต

เมื่อวันที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา นางลบ กงสำโรง ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรบ้านป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้เข้าพบ ทพญ.โสภาวรรณ สุวลักษณ์ แพทย์ทันตกรรมประดิษฐ์ ศูนย์ทันตกรรมโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต เพื่อติดตามผลการรักษารากฟันก่อนใส่ฟันปลอม ซึ่งได้รับการอนุเคราะห์ค่าใช้จ่ายในการรักษาจาก พล.ท.ดร.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 โดยมี ปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต คอยอำนวยความสะดวกและให้การดูแลอย่างเป็นกันเอง

เพ็ญนภา อุ่นเมตตาจิต เจ้าหน้าที่แผนกชีววัฒนะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ร่วมบริจาคหนังสือสำหรับเด็ก ในโครงการทอดผ้าป่าหนังสือและของเล่น เพื่อห้องสมุดเด็กวัดสามัคคีธรรม (ป่าส้าน) อ.คุระบุรี จ.พังงา โดยปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะจะเป็นตัวแทนไปมอบหนังสือและของเล่นในวันที่ 3 เม.ย.นี้

Art For The Earth by HMS


นิทรรศการ Art For The Earth จากหนูน้อย Holly ที่นำภาพวาดและเสื้อยืดสกรีนลายสวยๆ ฝีมือตัวเองมาจำหน่าย เพื่อช่วยหารายได้สนับสนุนการดำเนินงานของห้องสมุดเด็กวัดป่าส้าน อ.คุระบุรี และเนื่องด้วยวันที่ 22 เมษายนของทุกปี เป็นวันคุ้มครองโลก(Earth Day) คุณแม่ของน้องฮอลลี่จึงเลือกเอาผลงานที่น้องวาดเกี่ยวกับธรรมชาติมาจัดแสดง งานนี้อาจสร้างแรงบันดาลใจดีๆ ให้เด็กหลายคนได้ลงมือละเลงสีกันบ้าง และที่แน่ๆ คุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครองของเจ้าตัวเล็กทั้งหลายอาจจะมีแนวทางในการสนับสนุนเด็กๆ ให้รักธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมผ่านกิจกรรมสนุกๆ อย่างเช่นการวาดภาพ เหมือนน้องหนูฮอลลี่ก็ได้นะคะ

22 เมษายน - 22 พฤษภาคม 2553 ณ ลานกิจกรรมชั้น 2 ข้างศูนย์หัวใจ
ชักจะตื่นเต้นอยากเห็นผลงานแบบเต็มๆ เสียแล้ว!! จิตรกรน้อย Holly ..

เยี่ยมชมผลงานของน้องหนูได้ที่ >> HMS : HOLLY MAITLAND SMITH

28.3.53

วัดสามัคคีธรรม
ห้องสมุดเคลื่อนที่

ภาพรับบริจาคหนังสือและของเล่น

ภาพบรรยากาศโครงการเสื้อผ้าลดโลกร้อน

เรื่องราวดีๆ ที่วัดสามัคคีธรรม (ป่าส้าน) คุระบุรี จ.พังงา

เตรียมตัวเดินทาง : นำโดย อาจารย์บดินทร์, พี่จุ๋ม, พี่โอ๋HR, ยุงดองNSO, อิ๋งๆ Heart, ซอนเนีย, พี่กระแต,
พี่กอและคณะ จาก AIS 8 ท่าน, น้องกิ๊ก จาก Starbuck, ป้าแป๋วและเพื่อนสาวอีก 1 คน, พี่แคท อาสาสมัครอ่านหนังสือเสียง, และจุ๊บๆ ~ ใครจะตามพวกเราไปก็เชิญเลยนะคะ

Click >> กำหนดการ




ทุนการศึกษาแก่บุตรธิดาของพนักงาน

สัปดาห์ก่อนในตอนที่กำลังทำงานหูตูบ ก็ได้ข่าวแว่วมาจากห้องประชุมคิง คาร์ล กุสตาฟ ว่า มีมอบทุนให้แก่บุตรธิดาของพนักงานที่ได้รับคัดเลือกจำนวน 12 ทุน แต่ก็ไม่ได้เยื้องกายเข้าไปชมเพราะกะลังวุ่นๆ หลังจากสิ้นวันจึงได้เปิดคลังภาพของอ้ายชาย แล้วก็ได้รูปนี้มา

สะดุดตาสะดุดใจเพราะภาพนี้ต่างจากภาพอื่น หมอก้อง(นพ.ก้องเกียรติ เกษเพ็ชร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต) มอบประกาศให้เจ้าหนูด้วยรอยยิ้มที่ยิ้มจริงใจเข้าไปถึงทรวง
สอบถามจึงได้ความว่า เจ้าหนูน้อยรับประกาศแล้วก็เอาแต่มองหน้าหมอก้อง ไม่ได้หันมาถ่ายภาพ ตามที่ได้นัดหมายกันไว้ เมื่อเวลาผ่านไปชั่วครู่(เรียกเสียงหัวเราะในความไร้เดียงสาได้ระยะหนึ่ง) หมอก้องก็รู้งานและปฏิบัติหน้าที่ผู้มอบประกาศได้อย่างน่ารักมาก(เพราะกลัว HR ไม่ได้ภาพที่ระลึก) ที่ฟังมาคือหมอก้องย่อตัวให้เท่ากะตัวเจ้าหนู แล้วกำกับการแสดงบอกให้เจ้าหนูหันไปส่งยิ้มมมม หวานนนน กะกล้อง อ่ะนะ ..1 2 3 แชะ :)
แม้ไม่ได้อยู่ในห้องประชุมก็พอจะรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นในวันนั้น พนักงานที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลคัดสรรมา ล้วนแต่มีภาระมากมาย มีเจ้าตัวเล็กตัวโตให้ส่งเสียร่ำเรียน และมีรายได้สมเหตุสมผลที่จะรับทุน โดยทางมูลนิธิเวชดุสิตในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในข้อนี้ จึงจัดโครงการมอบทุนนี้ขึ้น ฟังๆ ไปแล้วมันก็น่าภูมิใจอยู่ไม่น้อย ที่องค์กรที่เรารักได้ทำเรื่องน่ารัก น่ารักอย่างนี้ให้เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ 5 ปีกว่าที่กบดานอยู่ที่นี่ อยากบอกว่าได้อะไรดีๆ มากมายนัก
จัดป่าวประกาศ เพราะมันน่าชื่นใจนัก..

แหลมไผ่พิสดาร ภาค2

http://www.snailline.com/forum/viewtopic.php?f=5&t=42

http://www.stormclub.com/webboard/topic.php?id=00011311

คำภูเก็ตนั้น สำคัญไฉน

เม้าท์กันให้เทือน เรื่องของเพื่อนร่วมโลก

http://www.snailline.com/forum/viewtopic.php?f=4&t=50

26.3.53

เฉลิมฉลองเรื่องที่ 101 ~~



เฉลิมฉลองเรื่องที่ 101 พอดีกับกิจกรรม "ห้องสมุดเคลื่อนที่" ของห้องสมุดเด็กวัดสามัคคีธรรม(ป่าส้าน) อ.คุระบุรี จ.พังงา โดยพระครูสุวัตถิธรรมรัต เจ้าอาวาสวัด เป็นผู้ผลักดันให้เกิดกิจกรรมดีๆ อย่างนี้เป็นประจำทุกสัปดาห์ โดยบรรณารักษ์ผู้ใจดี(น้องแหม่มกับน้องกุ้ง) จะหอบหนังสือนิทาน ของเล่น และเกมส์ต่างๆ ไปหาเด็กๆ ที่หมู่บ้านเทพรัตน์ และเทพประทาน เพื่อร่วมกันทำกิจกรรมเสริมสร้างพัฒนาการด้านต่างให้เด็กๆ ในบรรยากาศที่เป็นกันเอง อันตัวข้าพเจ้านี้มิเคยเห็นกับตา สายส่ายพบมาก็เพียงภาพถ่าย แต่มองลึกเข้าไปในแววตาของเด็กน้อยที่นั่งคอยกันตากริบๆ ก็พอจะซึมซับได้ว่า พวกเค้าน่าจะมีความสุขมากทีเดียว อย่างน้อยก็มีพี่ๆ ใจดีมาคอยเอาใจใส่ หาอะไรมาให้เล่น จุ๊บๆ ได้ข่าวว่า มีการสอนภาษามอแกนกันด้วย หุหุ (ไว้จะเล่าให้ฟังในคราวต่อไป) ด้วยหลวงพ่ออยากให้คนรุ่นใหม่ช่วยกันพูดช่วยกันจำคำเก่าๆ เพราะไม่อยากให้ภาษามอแกนหายไปจากโลกนี้เสียเฉยๆ กลับบ้านมานั่งคิดๆ ดู ของบางอย่างหากเรามองไม่เห็นคุณค่า ค่ามันก็หด ถึงเวลาอยากได้กลับคืนมาก็สายเสียแล้วทุกที สู้มองให้ลึก ให้เห็นกระจ่างลงไปถึงคุณค่าของทุกสิ่งอย่างที่มี แล้วรักษามันไว้ น่าจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องขวนขวายให้ลำบากในภายหลัง ณ ปัจจุบัน คำใต้ภูเก็ตแบบรุ่นป๋ามะพูดกันก็แทบจะไม่มี จุ๊บๆ กับเพื่อนฝูง Snail Line ก็เก็บรวบรวมกันอยู่ อย่างน้อยแล้ว ก็ให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้อ่าน จิ่มแจ้ คืออะไร เด็กรุ่นใหม่ถัดจากเราจะได้รู้ เชิดหน้าชูตาชาวภูเก็ตได้อีก :)

กลับมาเรื่องห้องสมุดเด็ก!! แม้ขณะนี้หนังสือและของเล่นที่ได้มา อาจจะยังน้อยอยู่ หากเทียบกับห้องสมุดกว้างๆ โล่งๆ แห่งวัดป่าส้าน ..แต่ยังพอมีเวลาเหลืออีกตั้งสัปดาห์ ก็นับว่ายังพอมีเวลา ยังพอมีเวลา หากพี่น้องชาวภูเก็ตท่านใด อยากจะร่วมบริจาคกับพวกเรา ก็สามารถร่วมบริจาคหนังสือและของเล่นได้ที่กล่องรับบริจาค บริเวณแผนกต้อนรับและบริการ ชั้น 1 โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตนะคะ :) และอยากขอประกาศดังๆ ด้วยความชื่นใจว่า เป็นวาสนาดีของจุ๊บๆ อีกแล้ว ที่ฟ้าได้ประทานเด็กน้อยนักศึกษาฝึกงาน 2 ราย(ถูกที่ถูกเวลามั่กๆ) ตอนนี้น้องๆ ก็เริ่มๆ จัดระเบียบหนังสือและของเล่นกันแล้ว ไชโย้!!

สุดท้าย..สำหรับสาวกผู้ใจดี ที่ต้องการจะเดินทางไปกับพวกเรา ก็แจ้งชื่อมาที่จุ๊บๆ นะคะ Tel.1719 ต่อ 2297 หรือ ส่งเมลมาที่ jubjub.bpk@gmail.com ภายในวันที่ 31 มี.ค. เช่นกัน จุ๊บๆ จะได้จองรถเอาไว้ได้ทันท่วงทีค่ะ งานนี้พวกเราออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าตรู่ อากาศดีๆ แถวคุระบุรีก็น่าจะมีหมอกด้วย :) ไปมอบของบริจาค ฟังเทศน์ กินข้าว แล้วค่อยเยี่ยมชมห้องสมุดเด็กกันเนาะ Yeh..


กำหนดการ : วันเสาร์ที่ 3 เมษายน 2553 ณ วัดสามัคคีธรรม (่ป่าส้าน) อ.คุระบุรี จ.พังงา
06.30 น. คณะเจ้าภาพและผู้มีจิตศรัทธาจากจังหวัดภูเก็ต ออกเดินทางจากโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต
09.30 น. คณะเจ้าภาพและผู้มีจิตศรัทธา จัดเตรียมความพร้อมขององค์ผ้าป่า ณ ศาลาการเปรียญวัดสามัคคีธรรม
10.00 น. สวดมนต์ไว้พระ สมาทานศีล แสดงพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์ (โดยพระครูสุวัตถิธรรมรัต เจ้าอาวาส)
10.45 น. พิธีถวายผ้าป่าสามัคคี มอบให้ห้องสมุดเด็กวัดสามัคคีธรรม
11.00 น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสามเณร จำนวน 30 รูป
เสร็จพิธี คณะเจ้าภาพ คณะผู้มีจิตศรัทธา และผู้เข้าร่วมพิธี รับประทานอาหารกลางวันพร้อมกัน

ท่านใดต้องการบริจาคทุนทรัพย์เพื่อการดำเนินการต่างๆ ของห้องสมุดเด็กวัดป่าส้าน ติอต่อ จุ๊บๆ เหมือนเดิม หรือโทรหาพระครูสุวัตถิธรรมรัต เจ้าอาวาสวัดป่าส้านได้ที่ 081-8920201 ค่ะ

3 เมษายนนี้ ใครจะไปทำดี ยกมือขึ้น!!


กำหนดการ : วันเสาร์ที่ 3 เมษายน 2553 ณ วัดสามัคคีธรรม (่ป่าส้าน) อ.คุระบุรี จ.พังงา
06.30 น. คณะเจ้าภาพและผู้มีจิตศรัทธาจากจังหวัดภูเก็ต ออกเดินทางจากโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต
09.30 น. คณะเจ้าภาพและผู้มีจิตศรัทธา จัดเตรียมความพร้อมขององค์ผ้าป่า ณ ศาลาการเปรียญวัดสามัคคีธรรม
10.00 น. สวดมนต์ไว้พระ สมาทานศีล แสดงพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์ (โดยพระครูสุวัตถิธรรมรัต เจ้าอาวาส)
10.45 น. พิธีถวายผ้าป่าสามัคคี มอบให้ห้องสมุดเด็กวัดสามัคคีธรรม
11.00 น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสามเณร จำนวน 30 รูป
เสร็จพิธี คณะเจ้าภาพ คณะผู้มีจิตศรัทธา และผู้เข้าร่วมพิธี รับประทานอาหารกลางวันพร้อมกัน

23.3.53

เมื่อดอกไม้บานใต้โลก

ครั้งที 2 ของกิจกรรมชวนเพื่อนอ่านหนังสือ กับกิจกรรม Book Brief ของห้องสมุด The Library Café ณ BPK จากครั้งแรกได้ชวนเพื่อนๆ อ่าน The Last Lecture ของแลนดี เพาซ์ กับคำถามที่ว่า ถ้าพรุ่งนี้เรากำลังจะตาย วันนี้ ตอนนี้ เราจะทำอะไร

มาถึงวันนี้กับ ดอกไม้ใต้โลก เรื่องเบาๆ น่ารักๆ ที่หลายคนอาจคิดว่าไม่น่าจะมีได้กับเรื่องการอนุรักษ์และดูแลสิ่งแวดล้อม แต่ทรงกลดเค้าทำให้ภาพของการจัดการเรื่องนี้กลายเป็นเรื่องสนุกและมีคนมาร่วมกิจกรรมมากมาย แถมคนเหล่านั้นยังพร้อมจะติดตามความคืบหน้ากิจกรรมดีๆ ภายใต้ลายเซ็นนาม “ทรงกลด” กำกับการแสดง ก็เหตุเพราะแต่ละกิจกรรมนั้นล้วนแล้วแต่มีความน่ารักผสมอยู่ทั้งสิ้น

หลังจากแนะนำตัวกับคนกันเอง(ท้างน้าน) เรียบร้อยแล้ว ก็มาดูหน้าตาของปกหนังสือกัน ต้นไม้ใต้โลกเป็นแบบนี้ ประชันกันกับดอกไม้ใต้โลกเลย อิอิ ต้นไม้ใต้โลกถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 2550 โดยรวมเรื่องราวดีๆ ของนักบำรุงโลก(ทรงกลดเรียก) ไว้ 100 เรื่อง จำได้ว่ามีคำคมและเรื่องแปลกใหม่หลายอย่างที่ไม่เคยได้ยินเพียบ อย่างเช่น อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยบอกไว้ว่า “ถ้าคุณยังอธิบายมันได้อย่างง่ายๆ แสดงว่าคุณยังไม่เข้าใจมันดีพอ” / เทียนไขไม่ได้สูญเสียอะไรเลย เมื่อมันต่อแสงสว่างให้เทียนเล่มอื่น บาทหลวงเจมส์ เคลเลอร์ / ความเมตตา คือภาษาที่คนหูหนวกได้ยิน และคนตาบอดมองเห็นได้ / หรือที่มีอยู่ช่วงนึงที่พวกเราใช้ Google Black ที่มีหน้าจอเป็นสีดำ เพราะช่วยประหยัดไฟให้โลกได้ ก็ได้บรรจุอยู่ในเล่มนี้เช่นกัน

แล้วอีก 2 ปีต่อมา ดอกไม้ใต้โลกก็คลานตามพี่มาติดๆ และไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ใต้โลกหรือดอกไม้ใต้โลก ก็ล้วนเป็นหนังสือที่ทรงกลดบรรจงเขียนและเก็บรวบรวมข้อมูลเอาไว้หลายๆ ด้าน เพื่อนำมาเผยแพร่ในแง่มุมที่น่ารัก หลายเรื่องอ่านแล้วก็ชื่นชอบ ชอบเพราะมันน่ารักดี และก็ยังคิดๆ ว่ามีคนทำแบบนี้ด้วยเหรอ อืมม.. แต่ใครจะไปรู้ วันดีคืนดีพวกเรา(ที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้) อาจเกิดแรงบันดาลใจดีๆ ในการคิดทำอะไรใหม่ๆ หรือสร้างสรรค์อะไรดีๆ เพื่อช่วยประหยัดพลังงานให้โลกใบนี้บ้างก็ได้ เพราะเชื่อว่าหนังสือทุกเล่มมีพลังด้านบวกที่ช่วยจุดประกายไฟและความคิดให้ทุกคนที่ได้อ่านมันได้

มารู้จักทรงกลดกันหน่อยนะคะ ทรงกลด บางยี่ขัน จบป.ตรีและโทด้านเศรษฐศาสตร์สิ่งแวดล้อม จากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ เค้ามีเวปไซต์เครือข่ายต้นไม้ขี้เหงา ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากเขียนหนังสือ ต้นไม้ใต้โลกแล้วเกิดแรงบันดาลใจอยากสร้างชุมชนออนไลน์บอกเล่าเรื่องราว แล้วพากันไปทำอะไรดีๆ เวปนี้จึงปรากฎกิจกรรมชวนกันไปทำนั่นนี่เพื่อสิ่งแวดล้อมอยู่เรื่อยๆ ทรงกลดเป็นนักอนุรักษ์รุ่นใหม่ไฟแรง ที่ดูเหมือนจะเป็นกำลังสำคัญในการทำเรื่องสิ่งแวดล้อมที่แสนจะน่าเบื่อหน่ายให้กลายเป็นเรื่องสนุกด้วย เพราะจากที่จุ๊บเข้าไปดูในเวปไซต์ ผู้ร่วมอุดมการณ์ล้วนแต่เป็นเด็กวัยรุ่น คนวัยทำงาน ติดตามผลงานและตามไปทำกิจกรรมกับเค้าเพียบ อาจจะเป็นเพราะทรงกลดทำงานด้านสิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด เลยทำให้เค้าค่อนข้างอารมณ์ดี ความอารมณ์ดีจึงแสดงออกอย่างออกนอกหน้ามาทางหน้าหนังสือ ทั้งแนวคิดที่แปลกใหม่ และการเล่นคำ กัดนิดกัดหน่อย เหมือนแหย่เล่น เลยทำให้หนังสือน่าอ่านกันไป

ตัวเราเองก็อ่านแม้กระทั่งคำนำของเค้าในฐานะ บก.ของ aday เพราะซื้อ aday ทุกเล่ม ก่อนอ่านเนื้อหาด้านในก็ต้องอ่านคำนำของเค้าก่อน ชอบที่มันเหมือนจะไม่มีอะไรเมื่อดูผ่านๆ แต่ถ้ามองและอ่านดูดีๆ ทรงกลดจะมีแนวคิดและมุมมองดีๆ แถมไว้ให้เสมอ ทรงกลดอยู่ในกลุ่ม “โยนหินถามทาง” เพื่อจัดการเดินทางในแนวที่เรียกกันเองว่า Neo Ecotourism โดยเริ่มกันตั้งแต่ปี 2542 ในชื่อ หอมกลิ่นดวงดาว และทริปสุดท้ายเมื่อปี 2547 ในชื่อ “ว่าวแม่นบ่” การเดินทางกับเพื่อนๆ กลุ่มโยนหินถามทางนี้ ยังไม่นับที่เค้าไปกับเพื่อนคนอื่น ซึ่งก็ได้รวบรวมเป็นบันทึกการเดินทางไว้อย่างน่าอ่านเหมือนกัน เช่น สองเงาในเกาหลี, หน่อไม้, ดาวหางเหนือทางรถไฟ

ผลงานรวมเล่มของทรงกลดก็มี นายเท้าซ้ายเด็กชายเท้าขวา, นั่งฝั่งตะวันตื่นยืนฝั่งตะวันตก, เมฆ, หมอก ใครเริ่มสนใจผู้เขียนตะหงิดๆ ก็เข้าไปเยี่ยมชมเวปไซต์ของเค้าได้ที่
www.lonelytrees.net ค่ะ

ยกตัวอย่างไว้ 7 เรื่อง แต่จากเวลาที่พี่เอ๋จัดไว้ให้ คงไม่เพียงพอจะสาธยายได้หมด จึงให้เพื่อนๆ เลือกเรื่องที่อยากฟัง จากชื่อเรื่องที่ปรากฏ สรุปว่า เรื่องแรกก็คือ


ชะงักชะงัด เรื่องนี้ค่อนข้างเกี่ยวโยง เกี่ยวพันกับพวกเราเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อคราวหมอก้องพบประชาชนคราวก่อน หมอก้องได้พูดให้เข้าใจถึงการใช้ทิชชู่อย่างระเนระนาดขององค์กรเรา และที่หมอก้องเหน็บไว้อย่างน่ารักก็คือ มีอยู่แค่ 2 นิ้ว ทำไมถึงสาวกันไปเยอะขนาดนั้น เพราะผลจากการสาวเอาสาวเอาของพวกเรา ทำให้ค่าทิชชู่ต่อเดือนเป็นเงินจำนวนมหาศาล ตอนนี้ห้องน้ำหญิงจึงมีผืนผ้าแทนกล่องทิชชู่เช็ดมือผืนเหลี่ยมที่หลายคนดึงเอาดึงเอาอย่างไม่คิดชีวิต นี่ก็ถือเป็นวิธีแก้ไขและลดค่าใช้จ่ายสำหรับทรัพยากรที่แสนจะฟุ่มเฟือยอีกทางหนึ่งขององค์กรเรา

ทรงกลดเขียนไว้ว่า เรามักจะใช้ทรัพยากรกันอย่างไม่เบาไม้เบามือ ใช้น้อยก็กลัวไม่คุ้มเพราะรู้สึกว่ามันคือของฟรี ถ้าไม่ใช้เดี๋ยวคนอื่นก็ใช้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าชาวบีพีเคจะไม่เคยคิดอะไรที่มักง่ายแบบนี้เนาะ ของฟรีไม่มีในโลกก็จริงอยู่ แต่ทรัพยากรที่เราใช้กันโดยคิดว่ามันฟรีนั้น ท้ายที่สุดแล้วเราจะต้องกลับมาเป็นผู้จ่าย เพียงแต่ไม่รู้ว่ามันจะอยู่ในรูปแบบไหนก็เท่านั้นเอง

เอเจนซี่โฆษณาของเดนมาร์ก เลยคิดไอเดียสนุกๆ โดยออกแบบกล่องทิชชู่ติดผนังในห้องน้ำด้วยการเจาะช่องด้านหน้าให้เป็นพลาสติกใสรูปแผนที่ทวีปแอฟริกา แล้วก็เลือกใช้กระดาษทิชชู่สีเขียว ในยามที่ทิชชู่ยังเต็มกล่องดี ทวีปแอฟริกาก็จะเป็นสีเขียวทั้งหมด แต่ยิ่งดึงไปใช้มากเท่าไหร่ จำนวนทิชชู่ที่ลดลงก็จะทำให้พื้นที่สีเขียวหายไปจากทวีปแอฟริกามากขึ้นเท่านั้น อันนี้เป็นสถานการณ์ที่เห็นภาพกันต่อหน้าต่อตา ใช้มากพื้นที่สีเขียวก็ยิ่งหายไปมาก

การอนุรักษ์ไม่ว่าในตำราไหนๆ ไม่ได้หมายถึง “การห้ามใช้” แต่ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด การรณรงค์เรื่องการใช้ทรัพยากรใกล้ตัวแบบนี้ บางครั้งเราก็ไม่ต้องการ “คำสั่ง” หรือ “คำขอร้อง” แต่เราต้องการ “เหตุผล” ในการทำมากกว่า เพราะถ้าเราเข้าใจและรู้สึกถึงเหตุผลนั้นได้ ใครกันจะไม่อยากช่วย


เรื่องที่ 2 น้องตุ๊กๆ กะปงขอมา
ถามถึงถุง

ทรงกลดบอกว่า เมื่อปัญหาอย่างที่เราเรียกกันแบบบ้านๆ ว่า “โลกร้อน” กระหน่ำเข้ามานั้น ชาวไทยก็เหมือนจะได้ถุงผ้าเป็นที่พึ่งทางใจ และแต่งตั้งให้มันเป็นฮีโร่

การสะพายถุงผ้าแต่มีถุงพลาสติกอยู่ในถุงผ้าเป็นกองไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ถุงพลาสติกถูกมองว่าเป็นเด็กมีปัญหา เริ่มตั้งแต่กระบวนการการผลิตและความรกโลกของมันที่ย่อยสลายยากกว่าถุงกระดาษและใบตองอยู่หลายขุม

ถุงพลาสติกถูกสร้างมาให้คงทนมีอายุการใช้งานยาวนานหลายปี แต่มนุษย์เราเองที่ใช้มันในระยะสั้นเกินไป บางใบใช้ไปไม่กี่นาทีก็ทิ้ง และบางใบก็ไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ เหมือนถุงผ้าที่อายุยืน แต่ที่มาของมันก็ใช้พลังงานไปไม่ใช่น้อย ประเทศจีนกับออสเตรเลียตื่นตัวกับเรื่องนี้มาก หลังจากที่ติดอันดับเป็นประเทศที่ใช้ถุงพลาสติกมากในลำดับต้นๆ ของโลก ทรงกลดเล่าว่า ปี 2551-2552 สองประเทศนี้น่าจะงดใช้ถุงพลาสติไปได้มากโขแล้ว เพราะทางการเค้าตระหนักและให้ความสำคัญกับเรื่องนี้จนกล้าออกกฎหมายมายับยั้งการใช้ถุงพลาสติกที่ทำร้ายโลก


ตามมาด้วยโกอ๊อด
เรียนท่านผู้ดมทุกท่าน

ตอนนี้เค้าเล่าถึงความสำคัญของกลิ่น ซึ่งมีการจัดนิทรรศการกลิ่นที่สูญพันธ์ไปแล้วจากโลก ด้วยความร่วมมือกันของนักทำน้ำหอม นักพฤกษศาสตร์ นักเคมี นักวิทยาศาสตร์จากองค์การนาซ่า พวกเขามองว่า ในโลกนี้ไม่มีกลิ่นที่หอมหรือเหม็น เพราะกลิ่นที่เราชอบ เพื่อนเราอาจจะไม่ชอบก็ได้

กลิ่นที่พวกเขาเลือกมานำเสนอต่อผู้ดม ก็ยกตัวอย่างเช่น กลิ่นเส้นผมของคลีโอพัตรา กลิ่นที่เกิดหลังจากปรมานูลูกแรกถูกทิ้งลงที่เมืองฮิโรชิมา กลิ่นของน้ำหอมที่พบในเรือไททานิค และยังมีการจัดหนังสือรวมกลิ่นเอาไว้ด้วย โดยเค้าได้รวบรวมเอากลิ่นของดอกไม้ที่สูญพันธ์ไปเมื่อร้อยกว่าปีก่อนมาจนถึงสูญหายไปเมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา กลิ่นเหล่านี้ถูกชุบชีวิตขึ้นมาใหม่โดยนักพฤกษศาสตร์ เริ่มจากการเสาะหารายชื่อ แล้วค่อยจำแนกดอกไม้ว่าสามารถนับญาติได้กับดอกไม้ในปัจจุบันชนิดไหนได้บ้าง จากนั้นก็ค่อยรวบรวมข้อมูลจากอดีต

การดมกลิ่นที่หายไป ไม่ได้ช่วยให้ดอกไม้ที่สูญพันธ์ไปฟื้นคืน แต่ประโยชน์ของมันอาจจะอยู่ที่ผู้ดมรู้จักสนใจในรายละเอียดรอบตัวมากขึ้น ใส่ใจถึงการมีอยู่ของเพื่อนร่วมโลกอีกมากมาย แล้วถึงตอนนั้น เมื่อกลิ่นใดกลิ่นหนึ่งต้องหายไป มันหมายถึงเราสูญเสียอะไร

สิ่งที่หายไปไม่ใช่แค่สายลม



และอีกเรื่องที่มติของห้อง 108-1009 เป็นเอกฉันท์ที่สุด มีการแชร์ประสบการณ์จากนักศึกษาพยาบาลอย่างพี่นายกับยุงดองเพื่อนรักว่า สมัยก่อน ต้องต้มกบแล้วลอกหนัง งัดเอากระดูกมาเรียน ตอนนั้นก็สงสาร แต่ก็ต้องทำ อย่างแมลงสาปก็ต้องเอามันมาทั้งตัวเป็นๆ ซึ่งแค่ฟัง เราก็ขนลุกเกรียวแว้วว
การผ่าหัวใจ หาใจ แต่ไม่เห็นใจ
พูดถึงนักเรียนชั้นม.5 คนนึงที่ลงทุนเปลี่ยนชื่อและนามสกุล เพียงเพื่อเรียกร้องการผ่าและชำแหละสัตว์เพื่อการศึกษา ซึ่งเธอเชื่อว่ามีโมเดล ร่างกายสัตว์ คอมพิวเตอร์เสมือนจริง และสื่ออื่นๆ อีกมากมายที่ไม่ต้องฆ่าสัตว์ประมาณ 6 ล้านตัว เพื่อใช้ในห้องเรียน ลองเข้าไปดูที www.cutoutdissection.com

เธอชื่อ นางสาว คัทเอาท์ ดิสเซกชั่นดอทคอม


หนังสือเล่มนี้ เคยเป็นต้นไม้มาก่อน
พูดถึงเวปไซต์ที่ชวนคนอ่านมาปลูกต้นไม้ทดแทนการโค่นต้นไม้ เพื่อเอาไปทำหนังสือ ในอัตราส่วน ต้นไม้ 1 ต้น ต่อนหังสือที่เราอ่าน 1 เล่ม

ทรงกลดพูดไว้อย่างน่ารักว่า ในความเป็นจริง หนังสือ 1 เล่ม คงล่วงเกินชีวิตต้นไม้ไม่ถึง 1 ต้น แต่การ “ให้” มากกว่า “รับ” กับบางเรื่องนั้น ก็ไม่น่าจะนับว่าขาดทุน

วิธีที่เวปไซต์ Eco-Libris นำเสนอเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณต้นไม้ ไม่มีอะไรยุ่งยาก แค่ระบุจำนวนหนังสือที่อยากจะปลูกต้นไม้ทดแทน จากนั้นก็คลิกชำระเงินผ่านบัตรเครดิต สนนราคาหนังสือ 1 เล่ม หรือต้นไม้ 1 ต้น เท่ากับ 1 เหรียญสหรัฐฯ แล้วทีมงานก็จะประสานงานไปยังองค์กรท้องถิ่นที่ทำงานด้านการปลูกป่าอยู่ที่นิการากัว เบลีซ กัวเตมาลา และอีกหลายแห่ง เพื่อให้นำต้นไม้ไปลงในพื้นที่ซึ่งจะเกิดเป็นประโยชน์ทั้งต่อธรรมชาติและชาวบ้าน

Eco-Libris ประกาศตัวชัดเจนว่าไม่ใช่องค์กรพัฒนาเอกชนหรือเอ็นจีโอ แต่เป็นหน่วยงานธุรกิจที่หวังผลกำไร แต่ก็เป็นธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม พวกเขายืนยันว่าต้นไม้ที่เราปลูกจะเติบโตอย่างแน่นอน เพราะถ้าเราต้องการปลูก 10 ต้น เขาจะปลูกให้ 13 ต้น เพื่อรับประกันว่า หากมันจะล้มหายตายไปบ้าง ท้ายที่สุดก็ยังจะได้จำนวนถูกต้องครบถ้วนตามที่ตกลงกันไว้

หลังจากชำระเงินค่าปลูกต้นไม้แล้ว ก็จะได้รับสติกเกอร์จาก ซึ่งเป็นกระดาษรีไซเคิล มีข้อความว่า One tree was planted for this book เพื่อนำมาแปะบนหนังสือของเรา โดยเขาจัดส่งให้ทุกที่ไม่ว่าจะอยู่มุมใดของโลกด้วย

ทุกๆ ท้ายเรื่อง ทรงกลดจะหนีบเวปไซต์เจ้าของเรื่องนั้นๆ เอาไว้ด้วย ใครอยากสานต่อความผูกพัน ก็เชิญแวะเข้าไปเยี่ยมชมได้ สำหรับหนังสือเล่มนี้ ไม่เพียงแต่ให้ความเพลิดเพลินและเปิดโลกกว้างให้พวกเราเท่านั้น แต่มันยังสร้างแรงบันดาลใจดีๆ ในการกล้าคิดกล้าทำ และเปลี่ยนมุมมองจากการมองเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องน่าเบื่อหรือเรื่องสิวๆ ให้กลายเป็นเรื่องสำคัญที่เราควรหมั่นรักษาไว้อย่างดีด้วย


แถมท้ายด้วยเรื่อง
ของปลอมของจริง
ทรงกลดบอกว่า คนไหนตัวจริง ตัวปลอม เราไม่ต้องเปลืองน้ำลายเถียงกันให้เหนื่อย เพียงปล่อยให้เป็นหน้าที่ของปฏิทินและนาฬิกา วันและเวลาก็จะบอกเราเองว่าใครคือตัวจริง

ตัวปลอมนั้น พูดในสิ่งที่ตัวเองยังไม่ได้ทำ หรือยังทำไม่ได้
ส่วนตัวจริง ทำสำเร็จแล้วจึงค่อยพูด หรือไม่ก็ก้มหน้าก้มตาทำไปแบบไร้เสียง

ของปลอมในที่นี้หมายถึง Sex Toys หรือเครื่องเล่นทางเพศสำหรับสุภาพสตรี ที่ไม่ค่อยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและจุดซ่อนเร้นด้วย เพราะของเทียมประเภทแท่งนั้นส่วนใหญ่ทำจากวัสดุที่มีสารประกอบชื่อ พลาเลต ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง ทำลายระบบสืบพันธ์และเป็นมลพิษต่อโลก

จึงมีเจ้าของกิจการนึงทำของเทียมรุ่นใหม่ออกมาโดยใช้แก้วเป็นวัสดุ ปลอดสารพทาเลต และยังสามารถนำแก้วมารีไซเคิลซ้ำได้อีก จึงลดปัญหาขยะตกค้างไปได้ ทรงกลดบอกว่า ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด และไม่น่าจะเปลี่ยนโลกได้สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้ ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ก็น่าจะปรับเปลี่ยนให้ตัวเองทำร้ายโลกน้อยลงได้ เพราะถ้าทำไม่ได้ก็อายไวเบรเตอร์

ตบท้ายทรงกลดหยอดไว้ว่า ของที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็น “ของปลอม” อาจจะเป็น “ของจริง” ก็ได้

รู้สึกดีกับการ Book Brief ครั้งนี้อยู่เหมือนกัน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะคนคุ้นเคยกันทั้งนั้น ทำให้ลดความกดดันไปได้บ้าง แต่ก็ยังคงรักษาความตื่นเต้นมือเย็นไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ชอบที่มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และได้ฟังประสบการณ์ของสมาชิกแต่ละคน และสุดท้ายสำหรับสไลด์นี้ ที่เพื่อนๆ ร่วมกันคิดหนทางประหยัดให้แก่องค์กรอันเป็นที่รักของเรา ซึ่งก็ได้มา 3-4 วิธี 1.เอาน้ำล้างจาน น้ำที่ 2 หรือ 3 ไปรดน้ำต้นไม้ การันตีจากคุณศันศนีย์ ว่าต้นไม้ไม่ตาย แถมประหยัดน้ำได้อีกด้วย 2.เอาขวดใส่น้ำหย่อนไว้หลังถังชักโครก(แบบเก่า) จะช่วยประหยัดน้ำได้อีกทางหนึ่ง เหมือนกับขวดน้ำได้ทดแทนปริมาณน้ำจริงที่อาจจะใช้เกินความจำเป็นไปบ้างสำหรับการกดน้ำชะล้าง 1 ครั้ง อันนี้ก็คุณศันศนีย์อีกเหมือนกัน 3.โกอ๊อดบอกว่า ถุงขยะที่ใส่ถังขยะประจำโต๊ะของพวกเราแต่ละคนนั้น มันเปลือง เพราะแม่บ้านต้องเปลี่ยนถุงวัน ทำให้เพิ่มปริมาณขยะของโลก จึงแนะนำให้อ้ายชาย นำเสนอต่อที่ประชุมว่า มีถังขยะส่วนกลาง(ต่อ 1 แผนก) ไว้ทิ้งสิ่งของที่สกปรก ขนมนมเนยที่พวกเราขนเอามากิน ส่วนถังขยะที่โต๊ะก็ทิ้งเฉพาะกระดาษ และอื่นๆ ที่ไม่เลอะเทะ จะช่วยลดการเปลี่ยนถุงขยะของโรงพยาบาลฯ ไปได้มากโข อีกทั้งถุงขยะของพวกเรา Back Office นั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นถุงชั้นดีและหนามาก(แพงไปไม่ดี) ใช้แบบราคาถูกๆ ก็พอแว้วว 4.ยกภาระให้อ้ายชายประสานงานกับแฟมมิลี่มาร์ท ที่พวกเราชาว BPK เดินเข้าเดินออกกันไม่หวาดไม่ไหว การปฏิเสธรับถุงหนึ่งครั้งแล้วได้แต้ม น่าจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของร้านและช่วยให้พวกเราได้แต้ม แถมได้ช่วยลดขยะให้โลกด้วย!! อืมม!! มีแต่เรื่องบรรเจิดท้างน้านนน ..
ไปดูบรรยากาศกัน >> http://picasaweb.google.com.au/jubjub.picc/BookBriefII#
ในโอกาสนี้ กราบขอบพระคุณพี่น้องทุกท่านที่ได้เข้ามาฟัง หรือได้เข้ามาอ่าน สำหรับหนังสือ "ดอกไม้ใต้โลก" ของกระผม ก็เนื้อหอม โดนพี่นาย(พยาบาลชุดยิ้มหวานคนนั้น) ยืมไปดื่มด่ำเสียแล้ว ในการนี้ หากมีสิ่งใด ขาดตก อกร่อง ข้าพเจ้าก็กราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้โตยเน้อ แล้วพบกันใหม่ ตัวกู ของกู ..

CSR News_23Mar10

เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา ปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต และนนทลี มรรคาวาณิช ประธานมูลนิธิมรรคาวาณิช ร่วมเก็บตัวอย่างหญ้าทะเลครั้งที่ 4 ซึ่งนับเป็นครั้งสุดท้ายของการสุ่มเก็บตัวอย่างหญ้าทะเลบริเวณบ้านป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการวิจัยและสรุปผลของการใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ (EM) ฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเล โดยนายภูเบศ จอมพล นักวิชาการประมง จากสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน จะทำการรวบรวมและสรุปผลการวิจัยตัวอย่างหญ้าทะเลทั้ง 4 ครั้ง เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการจัดกิจกรรมอนุรักษ์หญ้าทะเล จ.ภูเก็ต ต่อไป

ปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต รับบริจาคตุ๊กตาและของเล่นจาก ด.ญ.ชนกนันท์ ทองเอียด นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนขจรเกียรติศึกษา โดยทางโรงพยาบาลฯ จะเป็นตัวแทนนำไปมอบให้พระครูสุวัตถิธรรมรัต(เจ้าอาวาส) ในโครงการทอดผ้าป่าหนังสือและของเล่น เพื่อห้องสมุดเด็กวัดสามัคคีธรรม(ป่าส้าน) อ.คุระ จ.พังงา ในวันที่ 3 เม.ย.นี้ ผู้สนใจสามารถร่วมบริจาคหนังสือสำหรับเด็ก นิทาน อุปกรณ์กีฬาและของเล่นเสริมจินตนาการ ได้ที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต, ชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดภูเก็ต(ศาลากลาง), สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT(เขารัง), โรงแรมบ้านต้นไทร(ป่าตอง), โรงแรมสิริภูเก็ต(ถนนเยาวราช) และบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนลลอว์เฟิร์ม จำกัด(สะปำ) ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 มี.ค. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1719 ต่อ 2297

ปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต อบรมการใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ (EM) กับสิ่งแวดล้อม ให้แก่แม่บ้าน บริษัท พีซีเอส จำกัด โดยอธิบายหลักการทำงานของจุลินทรีย์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจก่อนให้แม่บ้านทุกคนได้ทดลองผสมน้ำ EM ขยายด้วยตัวเอง เพื่อตอบรับนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของโรงพยาบาลฯ ที่เน้นให้ทุกหน่วยงานช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมในชุมชน โดยเริ่มจากแผนกแม่บ้านที่สามารถช่วยลดการใช้สารเคมีได้ด้วยการใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ (EM) ทำความสะอาดพื้นและรดน้ำต้นไม้

เมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา จิการัตน์ วงษ์เทวัญ เจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต แนะนำหนังสือเรื่อง “ดอกไม้ใต้โลก” ของทรงกลด บางยี่ขัน ในกิจกรรม Book Brief เดือนมีนาคม โดยบรรณารักษ์ของห้องสมุด(The Library Café) ได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้น เพื่อให้พนักงานได้แนะนำหนังสือที่เป็นประโยชน์แก่เพื่อนสมาชิกเป็นประจำทุกเดือน

19.3.53

ตลาดนัดจิปาถะ ณ BPK_19Mar10

วันศุกร์ วันสุขๆ ของพี่น้องผองเพื่อนชาวโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต หลังจากตรากตรำหน้าดำทำงานกันหูตูบมาทั้งสัปดาห์ พอวันเวลาล่วงเข้าสู่วันศุกร์ ก็ถึงเวลาที่พวกเราจะกระโดดโลดเต้น เพราะได้เลิกงานในเวลา 5 โมงเย็น ก่อนเวลาปกติตั้ง 1 ชม. เวลาเหลือเฟือตอนเย็นย่ำอย่างนี้ ฝ่ายบริการทั่วไปจึงมีความเห็นว่าไม่น่าปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆ "ตลาดนัดจิปาถะ ณ BPK" เลยถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยมุ่งหวังให้พื้นที่แห่งนี้เป็นแหล่งพบปะเฮฮา เสริมสร้างความกลมเกลียว และหาอะไรทำหนุกๆ ในหมู่พวกเรา แถมยังช่วยสร้างรายได้ใส่กระเป๋าตังค์ ก่อนวันหยุดเสาร์อาทิตย์อีกด้วย

ทุกวันพุธ เหล่าแม่ค้าพ่อค้าชาว BPK ก็จะเดินทางไปจับสลากและชำระค่าที่ สนนราคา 29 บาท / แผง สลับสับเปลี่ยนพื้นที่ขายหมุนเวียนกันไป ไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำ งานนี้ทางโรงพยาบาลฯ เปิดโอกาสให้ญาติของพนักงานมีสิทธิเช่าพื้นที่ขายของด้วย ส่วนใครจะใคร่ค้าอะไรก็ค้ากันไปไม่มีกั๊ก!! ขอแค่เป็นสินค้าคุณภาพมาตรฐานไม่ต่ำกว่าท้องตลาด ราคาก็ต้องเป็นกันเองด้วย เพราะขายคนกันเองนิเนาะ ..

แล้วประมาณ 4 โมงก่าๆ ของเย็นวันศุกร์ ร่มสีฟ้าจาก TMB ก็จะกางตระหง่านเต็มทั่วบริเวณ เสียงเพลงจากชมรมแอโรบิคของชาวชีววัฒนะ ก็จะดั่งกระหึ่ม ได้เวลาต่างคนก็ต่างปฏิบัติภารกิจของตัวเอง ไอ่ที่ต้องเต้นก็เต้นไป หมุนซ้ายหมุนขวา ดูแล้วเพลินดีเวลาซื้อหนมนู่นี่ใส่ปาก เดินไป กินไป ชมไป คึกคักมากมาย!! ขอบวกค่ะขอบวก.. ~~ แวะมาหาพวกเราได้นะคะ
ตลาดนัดจิปาถะ ณ BPK มีทั้งขนมจาก ขนมจู้จุน จีโจ้ หมี่ไท ซูชิ ทอดมัน ข้าวยำ ไข่เจียว ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ลูกชิ้นทอด ผักปลอดสารพิษก็มา เสื้อผ้ารึก็มีตั้งแต่มือสอง ของใหม่ก็มี เข็มขัด รองเท้า กระเป๋า กางเกง ถุงน่อง ต่างหู วณิพกก็มี EM ก็มา เสื้อ Green Member ที่หาซื้อยาก ก็มาจำหน่ายกันที่นี่ เพื่อเก็บหอมรอมริบเงินเข้ามูลนิธิมรรคาวาณิช เอาไว้ทำกิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมในชุมชนร่วมกับโรงพยาบาลฯ ต่อไป และสิ่งหนึ่งที่จุ๊บๆ มั่นใจว่าจะได้กลับไปแน่ๆ คือ มิตรภาพดีๆ ของพวกเราชาว BPK นี่แหล่ะค่ะ เช้าๆ อาจจะฉีดยาให้กันอยู่ แต่พอตกเย็นปุ๊บ ก็กลายมาอุดหนุนของกินกันซะแระ หุหุ (น่ารักดีนะ) งานนี้..หมอโรคหัวใจเก่งๆ ระดับประเทศ ยังมาปิ้งลูกชิ้นให้กินเลยน้า รู้ป่าว?

สัปดาห์นี้มีอะไรให้ดูให้กินมั่งน้า ไปชมกัน!!


18.3.53

ความคืบหน้าโครงการอ่านหนังสือเสียงเพื่อคนตาบอด



หนังสือส่วนกลางที่ทางโรงพยาบาลฯ เปิดไว้ให้ช่วยกันอ่านมี 2 เล่ม คือ
1.ปู่เย็น เป็นอยู่
2.ความจริงของปัจจุบัน รอบอกชาติหน้าไม่ได้


ถ้าจะเลือกหนังสือดีๆ มาอ่านเองก็ได้ค่ะ ตอนนี้มีหนังสือที่อยู่ในระหว่างการเดินทาง 32 เล่มแล้วค่ะ
( หนังสือทุกเล่มจะไม่มีการอ่านซ้ำอีกค่ะ )


1.เพอร์ซี่แจ็กสันกับสายฟ้าที่หายไป - - คุณจตุพร แซ่เตี่ยว
2.ศึกษาฝึกฝนพัฒนาตนให้สูงสุด - - คุณแคทลียา อุดมทรัพย์
3.หยดน้ำแห่งจินตนาการ - - คุณอนวัช สุขเจริญ
4.เล่ห์รักลวงใจ - - คุณวรรณา นิเทศนพกุล
5.โลกสีน้ำเงิน - - คุณรื่นฤดี มิ่งสรรค์วงศ์
6.เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว - - คุณนันทวรรณ กิ้มซื่อ
7.เปลี่ยนความคิดชีวิตเปลี่ยน - - คุณขนิษฐา จีนศรีคง
8.อาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก - - คุณนันทวัน สัมพันธรัตน์
9.นิคกับพิม - - คุณชลดา พุฒคง
10.มหกรรมในท้องทุ่ง - - คุณมลทิวา รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
11.มหัศจรรย์ธรรมชาติบำบัด - - คุณอิงอร สะพานรัตน์
12.อัจฉริยะสร้างสุข - - คุณดาริกา สุประทุม
13.แปลงเพาะชำวันดีๆ - - คุณมณีรัตน์ ทาบรรหาร
14.เพื่อนยาก - - คุณสุดารัตน์ เอกวานิช
15.นักสืบ - - ด.ญ.ณัชชา วิจิตรรุจนพันธ์
16.สุดยอดนิทานชาดกเรื่องละบาท - - คุณประสิทธิ์ ช่างชุบ
17.พลังเปลี่ยนชีวิต - - คุณมงคลรัตน์ เจริญเมืองเพรียว
18.เรียนรู้เรื่องเพศ เล่ม 1 - - กฤตยศ อ่าวลึกเหนือ
19.เข็มทิศชีวิต 1 - - คุณสุนทรี สุขชม
20.ล่องใจ - - คุณยุงดอง รวมสุข
21.กามนิต - - ด.ญ.นราทิพย์ ตู้สกุล
22.ลอร่า - - ด.ญ.สุพิชญา ปิยนนท์พงศ์
23.เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก - - คุณเขมวไล ธีรสุวรรณจักร
24.เมืองมูมินในฤดูหนาว - - พญ.นันทิยา ประวิทย์สิทธิกุล
25.ความสุขของกะทิ1 - - คุณวนิดา มณีกิจ
26.วิธีพิเศษเพื่อสุขภาพ - - คุณสายใจ พูนชัย
27.มนต์คาถา - - คุณกรองกาญจน์ พจน์ศิริศิลป์
28.ทำไม - - คุณปารียา จุลพงศ์
29.หนุ่มนักโบกกับสาวขี้บ่น - - จุ๊บ จุ๊บ
30.เหมืองแร่ - - คุณเอก พัฒนพิชัย
31.อ้อมกอดแห่งรัก - - คุณธีรพัฒน์ โลหะนะ
32.ผู้หญิงร้าย ผู้ชายรัก - - คุณจิราวรรณ เสือปาน
33.สัมผัสรักจากหัวใจ - - คุณอรนาฎย์ เนตรทรายทอง

สู้สู้นะค้า.. :)



หนังสือเสียงที่ถึงจุดหมายปลายทางแล้วมีทั้งหมด 68 เล่ม
คุณแคทลียา อุดมทรัพย์(22)
1.พระในบ้าน
2.เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน1
3.เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน2
4.มีชีวิตที่คิดไม่ถึง
5.รักแท้มีจริง
6.คิดจากความว่าง1
7.คิดจากความว่าง2
8.คิดจากความว่าง3
9.คิดจากความว่าง4
10.ผอมเลือกได้
11.วาทะดังตฤณ
12.7 เดือนบรรลุธรรม
13.มหัศจรรย์แห่งรัก 1
14มหัศจรรย์แห่งรัก 2
15.มองลึกนึกไกลใจกว้าง
16.รักนั้นดีแน่ แต่รักแท้ดีกว่า
17.มงคลชีวิต
18.ธรรมะบำบัด
19.รู้ก่อนตายไม่เสียชาติเกิด
20.พุทธวจนะในธรรมะบท
21.คู่มือกรรมพยากรณ์
22.กายหายไข้ใจหายทุกข์

คุณอรนาฎย์ เนตรทรายทอง(4)
1.ทุบ
2.เล่นกับไฟ
3.บทความดีๆ จากโลกไซเบอร์
4.คือดาราแห่งใจ

คุณดวงใจ มีกังวาล(2)
1.ดื่มเพื่อสุขภาพ
2.ทางที่เลือกแล้ว

คุณเอก พัฒนพิชัย(3)
1.คนเหนือคน
2.บทสำรวจตัวเอง
3.สันติภาพทุกย่างก้าว

คุณอัญชลี ปิยนนท์พงศ์(5)
1.The Secret
2.ปัญหา + ปันหา เป็นยาวิเศษ
3.จะมืดกี่ด้านก็ผ่านได้
4.Healthy Body & Healthy Mind
5.ขึ้นโรงขึ้นศาล

คุณจิราวรรณ เสือปาน(2)
1.เข็มทิศชีวิต 2
2.เข็มทิศชีวิต 3

คุณบุปผา คงช่างคิด(2)
1.ปั้นมนุษย์
2.เปลี่ยนเคราะห์ให้เป็นโชค เป็นโรคให้เป็นครู

คุณกรองกาญจน์ พจนศิลป์(2)
1.มามะฉันจะช่วยเธอ
2.ปัดเข่าแล้วลุกขึ้น

คุณธีรพัฒน์ โลหะนะ(9)
1.กุญแจสำรองของชีวิต
2.The Ticket : ตีตั๋วดูตน
3.คิดจะรักต้องรู้จิตและรู้ใจ
4.มีลูกเป็นหมา
5.อุทาหรณ์หมาสอนคน
6.เณรน้อยเที่ยวธุดงค์
7.อ้อมกอดแห่งรัก
8.ชาดกสี่สิบเรื่อง
9.ครุฑน้อย

อาสาสมัครอ่านร่วมกัน(8)
1.เรื่องเล่าจากปัตตานี
2.คิดบวก พลังสู่ความสำเร็จ
3.เดินสู่อิสรภาพ
4.ชาร์ล็อต แมงมุมเพื่อนรัก
5.The Last Lecture
6.พี่ตู้ ปณ.5
7.ความน่าจะเป็น
8.พลังเนรมิต

สำเร็จไปแล้วคนละเล่ม(9)
1.ก้าวรักในรอยจำ - - คุณยุวันดา น้ำสงวน
2.ความรู้สึกดีๆ มีได้ทุกวัน - - คุณสุนทรี สุขชม
3.โชคดี - - คุณอัจฉรา แร่ทอง, คุณนวรัตน์ รัฐสีมา, คุณปารียา จุลพงศ์
4.The Top Secret - - คุณนิธิวงศ์ วงศ์ช่างหล่อ
5.ไม่ได้ตั้งใจแต่ทำไมจึงสุข - - คุณประสิทธิ์ ช่างชุบ
6.คิดถึงทุกปี - - คุณเขมวไล ธีรสุวรรณจักร
7.แบกเป้คนเดียวเที่ยวไม่ง้อผู้ชาย - - คุณอรจรี นาวี
8.รอยเท้าเล็กๆ ของเราเอง - - คุณรุ่งวิภาษ์พร เอี้ยวกิติยากร
9.เบื้องบนยังมีแสงดาว - - ด.ญ.นราทิพย์ ตู้สกุล

เก่งจังเลย.. :)


ในโอกาสนี้ จุ๊บๆ ในนามของฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ขอขอบคุณอาสาสมัครทุกท่านที่ได้ช่วยกันสร้างรอยยิ้มและสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นในชุมชนของเรา แม้ยังไม่มีเวลา หรือยังไม่มีโอกาส ก็ไม่เป็นไรค่ะ พวกเรายินดีรอเสมอ พี่จุ๋มบอกว่าให้มีหนังสือเสียง(ในรูปแบบซีดี) ครบ 100 เล่ม แล้วเราจะชวนทุกท่านไปร่วมมอบหนังสือเสียงเหล่านั้นด้วยกันค่ะ ตอนนี้ก็มาเกินถึงครึ่งทางแล้ว yah yeh :)

เชื่อว่าวันนั้นคงอยู่ไม่ไกล..

Workshop 9

คลิกดู ความคืบหน้าโครงการ ผลงานของอาสาสมัครใจดี :)
รับสมัครแนวร่วมตาดี ทั่วราชอาณาจักร!!
คนตาบอด อยากให้คนตาดี มองเห็นอะไร?
ที่มาของโครงการ
คำถามที่พบบ่อย



16.3.53

CSR News_16Mar10

ศิวรักษ์ เพ็ชรเพ็ง หัวหน้าแผนกต้อนรับและบริการโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต(ขวา) พร้อมกับเจ้าหน้าที่ในแผนกร่วมเชิญชวนชาวภูเก็ตบริจาคหนังสือและของเล่น เพื่อนำไปมอบให้ห้องสมุดเด็กวัดสามัคคีธรรม(ป่าส้าน) อ.คุระ จ.พังงา โดยผู้สนใจสามารถร่วมบริจาคหนังสือสำหรับเด็ก นิทาน อุปกรณ์กีฬาและของเล่นเสริมจินตนาการ ได้ที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต, ชมรมผู้สื่อข่าวจังหวัดภูเก็ต(ศาลากลาง), สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT(เขารัง), โรงแรมบ้านต้นไทร(ป่าตอง), โรงแรมสิริภูเก็ต(ถนนเยาวราช) และบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนลลอว์เฟิร์ม จำกัด(สะปำ) ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 มี.ค. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 1719 ต่อ 2297

ทพญ.โสภาวรรณ สุวลักษณ์ แพทย์ทันตกรรมประดิษฐ์ ศูนย์ทันตกรรมโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ทำการรักษาสุขภาพฟันเบื้องต้นก่อนทำฟันปลอมให้แก่ นางลบ กงสำโรง ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรบ้านป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยเมื่อวันที่ 22 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังกิจกรรมเก็บตัวอย่างหญ้าทะเลและโยน EM Ball ที่บ้านป่าคลอก พล.ท.ดร.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 ได้มอบเงินส่วนตัวให้แก่ ปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะ เพื่อให้ทางโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตจัดทำฟันปลอมให้แก่นางลบต่อไป

ฟัน 2 ซี่ ของป้าน้อย :)

โชคดีของป้าน้อย(นางลบ กงสำโรง) ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติบ้านป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ที่ได้พบกับท่านแม่ทัพภาคที่ 4 เมื่อคราวที่ท่านมาร่วมเก็บตัวอย่างหญ้าทะเลกับโยน EM Ball ครั้งที่ 3 กับพวกเรา(22ก.พ.) พอป้าน้อยเดินมาคุยกับท่านแม่ทัพใกล้ๆ ก็ได้เรื่อง.. เพราะจุ๊บๆ ได้ยินท่านแม่ทัพพูดอย่างอารมณ์ดีว่า "เอาป้าน้อยไปทำฟันปลอมให้ที"
ไม่นึกว่าท่านจะพูดจริง คิดว่าแซวเล่นเฉยๆ ที่ไหนได้ก่อนกลับท่านได้ฝากฝังพี่จุ๋มไว้อย่างเป็นทางการเลยทีเดียว

แบบโชว์ฟัน และแบบไม่เห็นฟันจ้า
และเมื่อวันเสาร์ที่ 13 มี.ค. ที่ผ่านมา ในเวลา 09.00 น. ป้าน้อยก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต หลังจากทำประวัติที่เวชระเบียนเรียบร้อย จุ๊บๆ ก็พาป้าน้อยขึ้นบันไดเลื่อน ซึ่งมาทราบภายหลัง(หลังจากหัวใจเกือบวาย)ว่า.. ป้าน้อยนั้นขึ้นบันไดเลื่อนไม่เป็น นึกภาพตามนะคะ .. มือนึงป้าน้อยจับราวบันไดเลื่อน อีกมือนึงก็ยึดไอ่จุ๊บๆ ไว้ให้แน่น หลังจากนั้น ป้าน้อยก็กระโดดห้อยโหนยังกะสาวๆ วัยแรกแย้ม ทั้งตอนที่ย่างขึ้นและย่างลง น่ากัวมาก!! แต่ก็ได้หัวเราะกันไปในความน่ารักของป้าน้อย แกบอกจุ๊บๆ ว่า "ป้าน้อยขึ้นไม่เป็น แต่ถ้าเป็นขึ้นลิฟต์น่ะ กดเองก็ได้ ไม่น่ากลัว" :)
หลังจากนั้นพี่พยาบาลประจำศูนย์ทันตกรรมก็ช่วยวัดความดัน ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดมวลกาย เสร็จแล้วก็นั่งรอคุณหมอ ในระหว่างนั้นก็ได้สัมภาษณ์ป้าน้อยไปด้วย

ป้าน้อยเป็นชาวนครราชสีมา มาอยู่ภูเก็ตเป็นสิบปีแล้ว ปัจจุบันอายุ 65 ปี แต่ยังดูแข็งแรง เห็นหน้ากันทีไรก็ปั่นจักรยานอยู่ตลอด ป้าน้อยเล่าให้ฟังว่า แต่ละเดือนจะขี่จักรยานมาซื้อของที่ซุปเปอร์ชีฟด้วย เวลาปั่นจักรยานจากป่าคลอกมาซื้อของ ป้าน้อยจะใส่หมวกกันน็อคเพื่อความปลอดภัยในความเร็วประมาณ 10 ก.ม.ต่อชั่วโมง ล่าสุดได้ข่าวว่าไปแซวตำรวจ "ขี่รถจักรยานก็ใส่หมวกกันน็อคได้นะค้า" ทำเอาคุณตำรวจหัวเราะกันสนุกสนาน ป้าน้อยเล่าให้จุ๊บๆ ฟังอย่างอารมณ์ดี
ป้าน้อยเป็นสมาชิก อพปร. คอยช่วยเหลือโบกรถในชาวบ้านแถวนั้นในวันที่มีงานของหมู่บ้าน และวันสงกรานต์ที่ใกล้จะถึงนี้ 7 วันอันตราย ป้าน้อยก็มีหน้าที่รออยู่เบื้องหน้าแล้ว โดยป้าน้อยกับเพื่อนสาวของป้าน้อย จะคอยทำหน้าที่กักตัวคนเมาไว้ให้สร่างเมาซะก่อน แล้วค่อยปล่อยตัว เพื่อไม่ให้ไปเกิดอุบัติเหตุ ป้าน้อยบอกว่า "ถ้าพูดกับเค้าดีๆ เค้าก็เชื่อฟัง เราต้องให้เกียรติเค้า เพราะเป็นคนเหมือนกัน และอธิบายให้เค้ารู้ว่ามันอันตราย เราเป็นห่วง เลยต้องกักตัวเค้าไว้ก่อน เวลามีงานวัดหรืองานอะไรก็ตามของชุมชน ป้าน้อยจะคอยโบกรถให้เข้าจอดอย่างเป็นระเบียบ โดยจะบอกเด็กวัยรุ่นดีๆ ว่าถ้าเค้าจอดให้เป็นระเบียบ ตอนออกก็จะได้ออกง่ายๆ เค้าก็เชื่อฟังป้านะ" ป้าน้อยเล่าให้ฟังอย่างภาคภูมิใจในฐานะที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น แววตาที่ส่องประกายสดใสนั้น บอกถึงความดีใจที่ยังสามารถทำตัวเองให้มีประโยชน์แก่ชุมชนได้ในวัยขนาดนี้

พวกเรานั่งหัวเราะกันได้ไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็มาเรียกป้าน้อยไปพบคุณหมอโสภาวรรณ ผู้แสนใจดี ตรวจดูช่องปากและแจ้งกระบวนการขั้นตอนการรักษาไปจนถึงวันที่ได้ใส่ฟันปลอมเสร็จเรียบร้อย ป้าน้อยก็ยิ้มแฉ่ง เริ่มตั้งแต่ถอนฟัน 2 ซี่ที่ยังเหลืออยู่ รักษารากฟัน พิมพ์ฟัน เพื่อทำฟันปลอม โดยป้าน้อยจะต้องเทียวไปเทียวมาโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตอีกประมาณ 3 ครั้งเห็นจะได้ จากนั้นก็จะสวยพริ้ง มีฟันขาววิ้งๆ ให้กินข้าวได้ง่ายและเคี้ยวได้ละเอียดขึ้น :)
สัปดาห์หน้าจุ๊บๆ ให้ป้าน้อยเอากาหยีที่ป้าน้อยแกะขายมาให้ด้วย เพราะหม่ามี๊อยากให้อุดหนุนแก แถมบอกว่ากาหยีของชาวบ้านนั้น อร่อยกว่าที่ขายๆ กันน้า รู้ป่าว? ~~ จริงรึหม่ามี๊????