11.5.53

ในวันที่ฉัน ไปสบาย..

ยิ้มก่อนอ่าน



ด้วยว่าความตายมันอยู่ใกล้กับเราแค่ปลายจมูก หรือถ้าจะ up Level ให้ดูกิ๊บเก๋ขึ้นอีกหน่อย ก็อาจจะเปลี่ยนมาใช้คำว่า "คว่ำตาย หงายเป็น" ก็ได้ ไม่มีปัญหา ไม่ได้ผิดจรรยาบรรณทางการแพทย์หรือทางเพศข้อไหนในโลกนี้เลย .. คนสมัยโบราณ มักจะห้ามปรามไม่ให้พูดเรื่องตาย ด้วยว่าไม่เป็นมงคลแก่ชีวิต แต่เมื่อเติบใหญ่จนย่างเข้าวัย 30 ปี บริบูรณ์ กลับตระหนักได้ว่า การพูดเรื่องความตาย หาได้สร้างความเป็นมงคลหรือไม่เป็นมงคลแก่ชีวิตคนเราไม่ เพราะการยอมรับสิ่งต่างๆ ได้อย่างไม่หน่ายหนี ย่อมเป็นการตระเตรียมใจและเดินไปอย่างรู้คุณค่าของการมีลมหายใจ ทุกสิ่งที่ทำไปในแต่ละวันจะได้คิดให้ดีๆ ไม่ต้องมาย้อนนึกไปให้เสียดายในภายหลัง และคงไม่ลงทุนทำอะไรที่รู้อยู่แก่ใจว่าไร้ค่า เพราะในเมื่อรู้ว่าต้องตาย(ไม่ต้องใช้ตาทิพย์ก็รู้ ไอ้ที่ยังไม่รู้ก็แค่วันตาย เท่านั้นเอง) อย่างน้อยมันก็ต้องทำให้ดี ..จริงป่าว?


ความตาย เป็นความจำเป็นขั้นพื้นฐาน(จปฐ)ที่ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดๆ ที่เรียกได้ว่ามีชีวิตย่อมต้องมีอยู่ โดยจะมีติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด(กรรมเหนิด) ขายเป็นแพ็ครวม ทั้งเกิดแก่เจ็บและตาย ไม่มีชาติหรือตระกูลไหนที่รวยแล้วจะซื้อแบบแยกได้ โดยทั้ง 4 ข้อ จะรอแค่วันแสดงผลและทุกคนต้องเจอ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ สัตว์น้อยใหญ่(น่ารักมากน่ารักน้อยก็ต้องตาย) และสุดท้ายก็มนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาอย่างเราๆ เนี่ยแหล่ะ


4 เต่าทอง ทั้งเกิดแก่เจ็บและตาย จึงมีความสำคัญที่จะทำให้การมีลมหายใจเป็นไปได้อย่างสมบูรณ์แบบ หากมีใครสักคนที่อยู่ยั้งยืนยงไม่ยอมตาย หรือพยายามยื้อกับความตายอย่างสุดชีวิต ไม่ว่าจะด้วยเหตุใด หวงสมบัติ หวงนั่นหวงนี่ หรือไม่ยอมปล่อยวาง ก็ย่อมทำให้ชีวิตขาดตกบกพร่องประหนึ่งว่าตกท้องร่องท้องนากันเลยทีเดียว ถ้าใครเป็นแบบนั้นจริง ก็อาจจะเรียกได้ว่า เป็นผู้ที่มีชีวิตไม่สมบูรณ์แบบ



วันนี้ไม่ได้เป็นวันฤกษ์ดีมีชัย ไม่ได้เป็นวันหดหู่โลก ไม่ได้เป็นวันอะไรเลย แค่อยากบันทึกเวลาระลึกอะไรขึ้นมาได้ แล้ว blog นี้ก็ถูกกำหนดให้เป็นที่ระบายความรักใคร่ น่าเอ็นดู และสนองตัณหาของข้าพเจ้าเองล้วนๆ มันเลยตกที่นั่งลำบาก ต้องกลายเป็นที่รองรับไปในที่สุด ร้อยวันพันปี อาจจะไม่มีใครสนใจเหลียวแล ไม่เคยแวะมาดู และไม่เคยรู้ว่าข้าพเจ้าคิดเห็นเยี่ยงไร แต่ blog นี้อาจจะมีคนแวะเข้าด้วยความคิดถึง เมื่อถึง ณ วันนั้น (หรือก็คือวันนี้เนี่ยแหล่ะ) อย่างน้อยๆ คนใกล้ตัว หรือคนไกลตัวที่ไม่เคยสนใจจะเปิดอ่าน อาจได้เวลาเหมาะเพราะคิดถึงผู้ตายอย่างข้าพเจ้า เลยได้แวะเข้ามาอ่านด้วยจงใจ หาใช่การบังคับอ่านแต่อย่างใดไม่ :)


แต่จะติดต่อสื่อสารหรือว่าให้ข้าพเจ้ามีปฏิสัมพันธ์ด้วยนั้น "คงยาก" ก็เคยบอกไว้แล้วนินา ว่าจะทำอะไรให้ทำซะตอนคนๆ นั้นนั้นยังอยู่ ถึงตอนนี้จะมาเคาะบอก Knock Knock ข้าพเจ้าก็หาได้ยินแล้วไม่


แต่เอ.. หรือว่าจะได้ยินหว่า ไม่รู้ดิ่ ยังไม่เคย ไว้ถึง ณ ตอนนั้น แล้วจะมาบอก (หลอนหลาว ล้อเล่นหน่า) จำได้ว่าเมื่อเดือนก่อนได้พูดคุยกับบุพการีทั้งสองและคุณชายถึงเรื่องตายๆ เลยอยากดีไซน์การตายของตัวเองไว้ก่อนล่วงหน้า จะได้ไม่ทำการใดๆ อันผิดความประสงค์ของข้าพเจ้า .. โดยได้แจกแจงไว้เป็นข้อๆ แล้ว ดังนี้



1.หากต้องจัดพิธีศพ ก็ขอแค่ไม่เกิน 3 วัน เพราะไม่อยากให้ทุกคนเหนื่อย อีกทั้งญาติสนิทมิตรสหายใกล้ชิดก็คงทราบข่าวกันโดยสนิทใจ ไม่ต้องประกาศไปไกล 7 คุ้งน้ำ ด้วยกลัวจะสร้างความลำบากใจให้คนไกลต้องลำบากมา



2.ข้าพเจ้าได้เขียนเอกสารแจ้งเรื่องการบริจาคร่างกายและดวงตา ส่งให้สภากาชาดไทยไปนานแล้ว แต่ยังไม่ได้บัตร(ไม่รู้เพราะอะไร.. แต่ให้น้า :) มารดาข้าพเจ้ารับทราบและยินยอมแล้ว ซึ่งหากข้าพเจ้าโดนน็อคสมองตายแต่ร่างกายยังดีมีลมหายใจ ก็ขอให้นำทุกอย่างในร่างกายข้าพเจ้าที่ยังสามารถใช้ประโยชน์ได้ไปใช้ประโยชน์แก่ผู้อื่นที่ยังต้องการประโยชน์จากมัน เพื่อต่อลมหายใจ ต่อชีวิต โปรดอย่ายื้อให้ข้าพเจ้าอยู่ในสภาพไร้ปฏิกิริยาโต้ตอบโดยมีสายนู่นี่พะรุงพะรัง :) แต่หากข้าพเจ้าหมดลมเฉยๆ ไม่ได้สมองตาย ก็สามารถเอาดวงตาของข้าพเจ้าไปให้ใครสักคนสองคนที่มองไม่เห็น..ด้วยนะจ๊ะ



3.คลังภาพของข้าพเจ้าที่ได้ up ไว้บน Internet ทั้งหมด ข้าพเจ้าอนุญาตให้ใครก็ได้หยิบไปใช้ได้ทุกกรณี(ยกเว้นเพื่อการค้าหรือทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่ทุกสิ่งที่ปรากฎในภาพ) ขอให้ทุกท่านดื่มด่ำและสัมผัสกับความสุขและเรื่องราวมากมายในชีวิตข้าพเจ้า หลังจากได้รู้จักมักจี่กับเจ้า 400D คู่ใจ


http://picasaweb.google.com/jubjub.bpk




(หรืออื่นๆ)




4.ข้าพเจ้าอ่านหนังสือเสียงเพื่อคนตาบอด หากสิ้นชีพก่อนหนังสือเสียงเล่มนั้นๆ บรรลุเป้าหมาย ก็ขอให้ใครสักคนช่วยสานต่อมันจนสำเร็จลงด้วยดี (ขณะนี้ที่ยังไม่ตาย อ่านเรื่อง "หนุ่มนักโบกกับสาวขี้บ่น" ของสมจุ้ยเจ้าค่ะ แต่คิดว่าเรื่องนี้เป็นเล่มแรก น่าจะเสร็จสมบูรณ์ด้วยตัวเอง..ก่อนตายนะ :)



5.มางานศพ ไม่ต้องเศร้ามากก็ได้นะจ๊ะ ข้าพเจ้าไปสบายแล้ว ถ้าให้ดีมิต้องใส่ชุดดำถมึนทึนก็ดี :) มันดูหมองนิ เอาเป็นว่าข้าพเจ้าขอให้บุคคลอันเป็นที่รักและเคารพ มีแต่ความเข้มแข็ง ขอให้ความเศร้าหมองผ่านไปในไม่ช้า เพราะข้าพเจ้าเองก็อยากให้มีรอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้าของทุกท่านมากกว่ารอยน้ำตา .. รวมถึงทุกคนที่เคยได้ผ่านเข้ามาทำให้ชีวิตของข้าพเจ้ามีคุณค่า แม้จะผ่านเข้ามาเพียงบางเบา ก็ล้วนแล้วแต่ได้ร่วมกุศลกันมา ขอให้มีความสุขกายสบายใจกันถ้วนหน้าเน้อ :)




ด้วยความรักและระลึกถึงเสมอ

(North Trip_My Family_Happy New Year 2008 > 2009)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น