14.5.53

ทองหลังพระ_ศิลปินน้อย

“Every Child is an artist. –เด็กทุกคนเป็นศิลปินได้” คำกล่าวของปิกัสโซ ศิลปินเอกระดับโลก ประโยคนี้ได้สร้างศิลปินน้อยคนหนึ่งขึ้นมา ด้วยความเชื่อมั่นของ คุณแม่รสริน เมทแลนด์ สมิธ คุณแม่ของน้อง ฮอลลี่ เมทแลนด์ สมิธ สาวน้อยวัยใกล้ 5 ขวบ ว่าเด็กทุกคนสามารถเป็นศิลปินได้อย่างที่ปิกัสโซกล่าว เธอจึงส่งเสริมให้ลูกสาวได้มีโอกาสสร้างผลงานศิลปะ ตั้งแต่อายุเพียง 2 ขวบ 8 เดือน ปัจจุบันน้องฮอลลี่ สาวน้อยลูกครึ่งไทยอังกฤษคนนี้มีผลงานศิลปะที่สร้างสรรค์ไว้กว่า 400 ชิ้น และเป็นศิลปินเด็กเพียงคนเดียวที่มีโอกาสแสดงผลงานในหอศิลป์กรุงเทพฯ อีกทั้งเธอกำลังจะมีงานแสดงศิลปะ “Every child is an artist.” ซึ่งจัดขึ้นที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ในวันที่ 30 เมษายน – 31 พฤษภาคมนี้ โดยรายได้จากการจำหน่ายภาพส่วนหนึ่งจะนำไปสมทบทุน เป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการห้องสมุดเด็กวัดป่าส้าน อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา รวมทั้งสมทบกองทุนอนุรักษ์พะยูนบ้านป่าคลอก จังหวัดภูเก็ต ซึ่งโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตให้การสนับสนุนอยู่อีกด้วย ตัวอย่างของน้องฮอลลี่ น่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้คุณพ่อคุณแม่ และเด็กๆ คนอื่นๆ ได้เข้ามาสัมผัสกับโลกศิลปะ ซึ่งจะช่วยสร้างเสริมจินตนาการ และพัฒนาทักษะอื่นๆ ของเด็กได้เป็นอย่างดี

คุณรสริน คุณแม่ของน้องฮอลลี่ เล่าถึงลูกสาวคนโต ศิลปินน้อยวัย 5 ขวบคนนี้ว่า “น้องฮอลลี่เป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ เกิดและเติบโตที่จังหวัดภูเก็ต โดยคุณพ่อของน้องฮอลลี่ซึ่งเป็นชาวอังกฤษนั้นได้มาทำธุรกิจเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์และการออกแบบตกแต่งบ้านอยู่ที่จังหวัดภูเก็ต น้องฮอลลี่เป็นลูกสาวคนโต และมีน้องสาวอีกคนชื่อเบลล่า ตอนนี้อายุ 2 ขวบ 4 เดือน ตอนนี้น้องฮอลลี่กำลังจะเข้าเรียนที่โรงเรียนขจรเกียรติศึกษา”


“สำหรับการส่งเสริมลูกในด้านศิลปะนั้น เริ่มต้นจากการที่ดิฉันเองสนใจเรื่องของศิลปะอยู่แล้ว เวลามีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ ดิฉันจะชอบเข้าไปชมและใช้เวลาว่างอยู่ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ก็จะเห็นพ่อแม่ชาวต่างชาติหลายคนเขาพาลูกๆ มานั่งสเก็ตช์ภาพในพิพิธภัณฑ์ เด็กๆ ก็จะวาดภาพออกมาตามจินตนาการของเขาซึ่งน่าสนใจมาก ดิฉันจึงตั้งใจว่าถ้ามีลูกจะพยายามเปิดโอกาสให้เขาได้เรียนรู้และสัมผัสกับศิลปะ จนกระทั่งมีน้องฮอลลี่ เมื่อเขาโตอายุได้ 2 ปีกว่า ดิฉันจึงให้เขาลองจับพู่กัน ลองลงสี โดยให้ใช้สีอะคลิลิกลงบนผืนผ้าใบเลย เพราะว่าอยากเก็บผลงานชิ้นนั้นเอาไว้ แล้วก็ได้พาน้องไปเรียนกับครูท่านหนึ่งซึ่งเป็นศิลปินอยู่แถวกมลา พอดีบ้านเราอยู่แถวกมลาด้วย ก็จะพาน้องฮอลลี่ไปเรียนกับครูท่านนี้ ทีแรกครูบอกว่าฮอลลี่ยังเด็กเกินไป ยังจับพู่กันไม่ถนัดเลย แต่ดิฉันก็อธิบายครูว่าดิฉันไม่ได้คาดหวังว่าลูกต้องวาดรูปสวยหรือเหมือนจริง แค่อยากให้ดึงความใสบริสุทธิ์ของเขาแสดงออกมาผ่านงานศิลปะ อยากเห็นความรู้สึกของเด็กวัยนี้กับงานศิลปะ และดิฉันอยากทำการทดลองอยากเห็นพัฒนาการของลูกในแต่ละวัย ว่าเขามองสิ่งต่างๆ และถ่ายทอดออกมาอย่างไร ในวัย 3 ขวบ เขามองเห็นต้นไม้แล้วถ่ายทอดออกมาแบบนี้ วัย 4 ขวบ 5 ขวบ เขามองเห็นต้นไม้อย่างไร ก็เลยส่งเสริมให้น้องฮอลลี่ได้เรียนศิลปะ และผลงานชิ้นแรกของน้องฮอลลี่วาดขึ้นตอนเขาอายุได้ประมาณ 2 ปี 8 เดือน”

“งานที่น้องฮอลลี่ทำส่วนใหญ่เป็นงาน Abstract เพราะเขายังเด็กมากที่จะวาดรูปเป็นเรื่องเป็นราวหรือวาดรูปให้เหมือนจริง นอกจากนี้ งาน Abstract ยังสามารถทำได้หลายเทคนิคทั้งการโยนสี ฉีดสี ใช้ลูกกลิ้ง ใช้มิกซ์มีเดียหรือสื่อผสม โดยน้องจะได้รับคำแนะนำจากครูศิลปะรวมทั้งศิลปินหลายๆ ท่าน เช่น ครูชลิต นาคพะวัน หรือ ชลิต กลิ่นสี รวมทั้ง คุณปิ๊บ รวิชญ์ เทิดวงศ์ ก็มีโอกาสมาชมผลงานของน้องฮอลลี่ที่บ้าน ก็ได้ให้คำแนะนำว่าควรจะเพิ่ม หรือใช้เทคนิคแบบต่างๆ เราก็เอาคำแนะนำเหล่านั้นมาใช้และทดลองทำดู เวลาน้องฮอลลี่ทำงานศิลปะ ดิฉันจะเตรียมสีให้เขาเป็นกระปุกๆ เตรียมพู่กัน และผ้าใบ รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ แล้วก็ปล่อยให้เขาได้วาด ระบายสี หรือสร้างสรรค์ผลงานอย่างเต็มที่ แล้วจะถ่ายรูปหรือถ่ายวิดีโอตอนที่เขาทำงานเก็บเอาไว้ด้วยทุกครั้ง โดยเราจะแบ่งเวลาในแต่ละวัน ให้เขาได้ทำกิจกรรมต่างๆ และให้เวลากับการทำงานศิลปะวันละครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมงซึ่งเขาจะเต็มที่กับตรงนั้น แต่ช่วงนี้อาจจะมีเวลาน้อยลงเพราะเขาโตขึ้นต้องให้เวลากับการเรียนและทำกิจกรรมอื่นๆ มากขึ้นด้วย”

จนถึงปัจจุบันนี้ น้องฮอลลี่มีผลงานออกมาจำนวนมาก คุณรสรินบอกว่าถ้าจะนับก็น่าจะประมาณ 400 กว่าชิ้นเห็นจะได้ และยังได้แสดงผลงานในโอกาสต่างๆ ในฐานะศิลปินน้อย ซึ่งผลงานของเธอก็ได้รับความสนใจและมีเสียงตอบรับที่ดี

“น้องฮอลลี่มีโอกาสแสดงงานครั้งแรก เนื่องจากมีคุณครูที่ทราบว่าเขาชอบวาดรูป และมีผลงานเก็บไว้ส่วนหนึ่ง พอดีมีงานแสดงศิลปะเด็กจัดขึ้นที่ห้างบิ๊กซี เป็นงานเล็กๆ คุณครูก็ขอให้นำผลงานของน้องฮอลลี่ไปแสดง หลังจากนั้นเมื่อมีโอกาสพบกับครูชลิต ครูชลิตเห็นว่างานของน้องฮอลลี่น่าสนใจ ก็เลยชวนให้นำผลงานไปแสดงที่หอศิลป์กรุงเทพ และยังได้แนะนำให้รู้จักกับเจ้าของ Hof Art Gallery ที่กรุงเทพฯ ทาง Hof Art Gallery ก็ได้ติดต่อให้นำผลงานไปแสดงที่แกลอรี่ และช่วยดูแลเรื่องการจำหน่ายผลงานของน้องให้ด้วย ตอนนี้น้องฮอลลี่เป็นศิลปินของ Hof Art Gallery นอกจากนั้นเราก็จะมีโอกาสนำผลงานไปร่วมในกิจกรรมการกุศลต่างๆ เช่น มูลนิธิ สมาคม สโมสรต่างๆ โดยเฉพาะมูลนิธิหรือสมาคมที่ช่วยเหลือเด็กและช่วยเหลือสัตว์จะจัดงานการกุศลเพื่อจัดหาทุน ดิฉันก็ช่วยโดยมอบผลงานของน้องฮอลลี่ไปให้สำหรับการประมูลหารายได้ในงาน ถือว่าเราช่วยทางอื่นไม่ได้ เราก็ช่วยทางนี้ หลังจากที่มีโอกาสแสดงผลงานที่กรุงเทพฯ ดิฉันก็คิดว่าทำอย่างไรให้เด็กที่ภูเก็ตได้ชมผลงานของน้องฮอลลี่บ้าง เพราะจุดประสงค์หลักเราอยากจะสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆ และผู้ปกครองให้หันมาทำงานศิลปะ พอดีทางห้างเซ็นทรัลเฟสติวัลภูเก็ตติดต่อให้น้องนำผลงานไปแสดง เนื่องจากเราเคยไปใช้พื้นที่ของห้างในการเรียนสเก็ตช์ภาพ พอดีทางห้างร่วมกับมูลนิธิ World Vision ต้องการจัดงานหารายได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่ประเทศเฮติ ก็เลยชวนให้น้องฮอลลี่นำผลงานมาแสดง และจำหน่ายเพื่อหารายได้สมทบทุนในส่วนนี้ ดิฉันก็ยินดี เพราะนอกจากจะได้ร่วมทำบุญแล้ว ยังเป็นโอกาสเป็นพื้นที่ให้น้องได้แสดงผลงานด้วย หลังจากการแสดงงานที่เซ็นทรัล ก็มีคนโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาเยอะ อยากให้น้องเอาผลงานไปแสดงในโอกาสต่างๆ รวมทั้งทางโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตด้วย ทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้ติดต่อมา โดยแจ้งว่ามีวัตถุประสงค์คือต้องการนำรายได้ไปสนับสนุนการบริหารจัดการห้องสมุดเด็กวัดป่าส้าน ที่คุระบุรี รวมทั้งช่วยเหลือในกองทุนอนุรักษ์พะยูน เราก็เลยตกลงที่จะมาแสดงงานที่โรงพยาบาล โดยใช้ชื่องานว่า “Every Child is an artist.” โดยจะจัดแสดงผลงานตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน จนถึง 31 พฤษภาคมนี้ ที่บริเวณห้องโถงชั้น 1 และชั้น 2 ของโรงพยาบาล”

“Every Child is an artist.” ดิฉันเชื่อเช่นนั้นนะคะ เชื่อว่าเด็กทุกคนเป็นศิลปินได้ เพียงแต่พ่อแม่ต้องส่งเสริมเขาให้ถูกจุด เด็กๆ ทุกคนสามารถทำงานศิลปะได้ ถ้าพ่อแม่สร้างแรงจูงใจที่ดี อย่างน้องฮอลลี่ดิฉันจะส่งเสริมให้เขาได้ลองหลายๆ อย่าง ไม่ใช่แค่วาดรูป แต่เรียนบัลเล่ต์ เรียนเปียโน หรือเรียนคณิตศาสตร์เราก็จะเปิดโอกาสให้ลูกได้ลอง แล้วให้เขาเลือกเองว่าเขาชอบหรือมีความสุขที่จะทำอะไร ฮอลลี่เขาก็มีความสุขที่ได้อยู่กับศิลปะ มีความสุขกับการวาดรูปได้ทดลองอะไรใหม่ๆ ซึ่งศิลปะนั้นให้อะไรหลายๆ อย่างกับลูก ทั้งเรื่องของสมาธิ ได้ฝึกการใช้สี ทำให้เขามีความกล้า และภูมิใจเมื่อมีผลงานสำเร็จออกมา ที่สำคัญคือสร้างจินตนาการ การส่งเสริมให้ลูกได้เรียนรู้และทำงานศิลปะเป็นสิ่งที่ใช้เวลาไม่มากเลย แล้วก็ไม่ต้องเสียเงินซื้อของเล่นแพงๆ ด้วย แค่มีกระดาษกับดินสอสี ซึ่งดิฉันจะพกใส่กระเป๋าติดตัวไปด้วยตลอด ก็ช่วยส่งเสริมจินตนาการให้ลูกได้แล้ว จึงอยากแนะนำพ่อแม่ท่านอื่นๆ ที่อยากให้ลูกเรียนรู้และสัมผัสกับศิลปะ พ่อแม่บางคนอาจจะไม่เข้าใจหรือคิดว่าตัวเองไม่ถนัดในเรื่องศิลปะ แต่ถ้าเราทำการบ้านสักนิด ศึกษาข้อมูล และรู้จักสร้างแรงจูงใจในเชิงสร้างสรรค์ ให้เวลากับลูก เด็กๆ ทุกคนก็สามารถเป็นศิลปินได้เหมือนน้องฮอลลี่เช่นกัน”

ติดตามอ่านคอลัมน์ "ทองหลังพระ" หนังสือพิมพ์ข่าวเศรษฐกิจ(ภูเก็ต) /เรื่อง ชุติมา กิตติธรกุล

สนับสนุนเรื่องราวดีๆ ในจังหวัดภูเก็ต โดย โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น