ปิดปรับปรุงระบบ 5 วัน
วันพรุ่งนี้มีกำหนดพาตัวและหัวใจตัวเองเดินทางไปปลีกวิเวก(ไม่โหวงเหวง) ที่วัดเจริญสมณกิจ หรือ วัดหลังศาล เป็นเวลา 5 วันถ้วน หลังจากติดภารกิจยุ่บยั่บมาหลายเพ-ลา ก็คงต้องถึงคราแวะพักประสาทสัมผัสทั้ง 5 ให้ได้นั่งนิ่งๆ หายใจแบบรวยระรินซะบ้าง กำหนดจริงต้องถึงวัดตั้งแต่วันอาทิตย์แต่เป็นเพราะติดภารกิจวันนี้(เก็บตัวอย่างหญ้าทะเลและโยน EM Ball ครั้งที่ 3)จึงต้องผลัดไปในวันรุ่งขึ้นแทนการเดินทางไปนอนวัดในครั้งนี้เป็นการตัดสินใจด้วยสติที่มีอยู่อย่างบริบูรณ์ โดยไม่ต้องอาศัยเรื่องขุ่นข้องหมองใจที่ไหน ช่วยผลักไสหรือบีบบังคับให้ต้องระเห็ดไปพึ่งเย็นซะไกลถึงตีนเขาโต๊ะแซะ.. และเป็นเพราะรู้อยู่แก่ใจตัวเองเสมอมาว่า หากภายในมันยังร้อนๆ ต่อให้หอบผ้าหอบผ่อนไปนอนที่ไหนมันก็ยังหนีร้อนในใจไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น มาถึงบรรทัดนี้หลายคนคงสงสัยว่า "แล้วเหตุใดเจ้าจึงต้องเอาตัวกับใจไปอยู่วัดล่ะจ๊ะ หากคิดอย่างนั้น"
เหตุผลมีไม่มาก เพราะแค่ "อยากปิดมือถือ"
ปิดมือถือเพราะ ลาไปปฎิบัติธรรม ฟังดูเป็นเหตุเป็นผลที่ชอบธรรมและสมพงศ์กันมากๆ ซึ่งก็น่าจะต่างกันโดยสิ้นเชิงกับการปิดมือถือเพื่อไปเที่ยวหรือหนีอะไรบางอย่าง แม้เป้าหมายสุดท้ายจะใกล้เคียงความสุขเหมือนกันก็เถอะ ~~ ส่วนการจะลาพักร้อนแล้วนอนอยู่บ้าน ก็ลืมไปได้เลย เพราะคงเป็นเรื่องยากสาหัสที่จะสามารถวางทุกอย่างไว้ข้างกายได้ง่ายๆ
สอดส่ายสายตาหาที่ปรับปรุงและจัดวางระบบใหม่เรื่อยมา จนได้ข่าวการจัดอบรมกรรมฐานที่วัดหลังศาลเมื่อไม่นานมานี้ ส่งผลให้ตัดสินใจในทันทีว่าจะไป เพราะสืบถามแนวทางการปฏิบัติมาแล้วว่า..ไม่ได้บังคับให้เห็นอะไรมากไปกว่า "ความจริง" ~~ ด้วยเป็นคนดื้อ การใช้หลักบังคับ ยก ย่าง เดิน กำหนดนั่นนี่ ก็พาลจะบันดาลให้หัวใจอยู่ไม่สุขไปเปล่าๆ และหากทุกอย่างของการปฏิบัติเป็นการบังคับเพื่อให้เกิดสมาธิ อันนี้ยิ่งยากใหญ่(สำหรับข้าพเจ้า) เพราะหากหัวใจเท่ากำปั้นโดนบีบคั้นให้งัดเอาสมาธิขึ้นมาใช้ให้ได้ในบัดดล มันก็คงจะต้องสับสนกันไปใหญ่ สมาธิอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่มันก็เป็นเรื่องง่ายๆ ที่เราเชื่อหมดใจว่าถ้าบังคับมัน ยังไงซะ.. มันก็ไม่มีทางมาให้เห็นหน้าแน่นอน และเมื่อค้นหาแนวทางที่ตัวเองนิยมได้แล้ว(แม้จะเพียงลำพัง) ก็ถึงเวลาค่อยๆ เดินเข้าไปหามัน ช้า ช้า
5 วัน ทำมะ? ทำมะ ธรรมะ แค่ 5 วัน
อันที่จริงการนุ่งขาวห่มขาว กินมื้อเดียว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร นั่งสมาธิ สวดมนต์ ทำวัตรเช้าเย็น ไม่ได้ทำให้ชีวิตใครได้บุญญาธิการมากหรือดีขึ้นได้ในชั่วกระพริบตา แต่สิ่งที่อาจช่วยเชิดหน้าชูตาให้ชีวิตของเราง่ายขึ้นบ้าง ก็น่าจะมาจากการที่เราคิดได้ง่ายขึ้น เพราะธรรมชาติโดยรอบระหว่างที่กบดานอยู่ในวัด โดยไม่มีแสง สี และเสียงรบกวน น่าจะช่วยเอื้ออำนวยพรให้เกิดกระบวนการการคิดทบทวนถึงสิ่งที่ไหลบ่าเข้ามาในชีวิตด้วยสติ เหตุการณ์ต่างๆ ทั้งร้ายดีที่เราได้สัมผัสเรื่อยมาจนถึงอายุปูนนี้ อาจช่วยให้เรามองไปข้างหน้าได้อย่างชัดเจนขึ้น ไม่ผสมปนเป หายใจหายคอไม่ทันเหมือน ณ ขณะนี้ ความสุขที่เกิดจากการ "หมุนรอบตัวเอง" กำลังจะล้นเอ่อจนเหมือนกับจะเจอทางตัน เพราะฉะนั้น ณ วันนี้ คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการนั่งนิ่งๆ ให้ความคิด ความทรงจำ ทั้งหลายแหล่ ค่อยๆ เข้าที่เข้าทางในที่ทางของมันเอง เพื่อจะได้เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ได้อย่างเยือกเย็นต่อไปในอนาคต ~ ~
ปล.หากคิดถึง ให้ทำใจดีๆ ไว้ หายใจลึกๆ ไม่ต้องตามใจตัวเองจนถึงขั้นลงแดงและแว้บไปหา ไม่นานเกินหนอนใบไม้เดินข้ามฟากต้นยี่โถ วันอาทิตย์ก็จะแวะเวียนมาใหม่ ระยะนี้ก็อ่านเรื่องราวที่ผ่านมาใน blog ของข้าพเจ้าไปก่อน และขอให้รู้ไว้เสมอว่า(สำหรับมิตรรักแฟนเมลทั้งหลาย) ..แค่รู้ว่ากำลังคิด ว่าคิดถึง ก็น่าจะเพียงพอแล้ววววล่ะ สำหรับพอศอนี้ ~ ~
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น