28.2.53

แม่ชิล ..


กราบสวัสดีคุณยวมทั้งหลายแหล่ม.. อิอิ..

กลับมาแล้ววค้าบ หลังจากขออนุญาตให้พี่จุ๋ม(หัวหน้าของกระผม) ปฏิบัติงานในฝ่ายกิจสาธารณะเพียงลำพังมาตั้งแต่วันอังคารที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา เพราะลูกน้องเพียงคนเดียวจะขอเลี้ยวเข้าประตูวัดและกบดานอยู่ที่นั่นนานเป็นเวลา 5 วัน บัดนี้ไม่รู้พี่จุ๋มเป็นอย่างไรบ้าง.. พุร่งนี้ทำงานวันแรกภูมิคุ้มกันที่ไปฉีดมาคงได้ใช้อย่างเต็มอัตราศึกเป็นแน่ ก็เล่นตัดขาดจากโลกภายนอกไปตั้งหลายวัน เพราะฉะนั้นคงไม่แปลกที่วันจันทร์แห่งชาติจะตั้งหน้าตั้งตารอกระผมด้วยใจระทึก :)

กลับถึงบ้าน ทราบข่าวว่ามีหลายกระแสแอบเม้าท์ถึง แซวกันให้ครึกๆ ว่าไอ่จุ๊บมันหนีไปบวชเป็นชีเฟ่ย!!
ได้ยินดังนั้น ถึงกับขำก๊ากก!! เลยถือโอกาสบัญญัติคำเรียกปรากฎการณ์นี้ขึ้นเองน่าจะสามารถถ่ายทอดอารมณ์ ณ ขณะนั้นได้ดีกว่า ~~ "แม่ชิล" หรือ ชิล ชิล ตามประสาวัยรุ่นเรียก น่าจะเข้ากันกว่า "แม่ชี" อย่างที่ใครต่อใครเรียก ส่วนความหมายของแม่ชิลก็คงละม้ายคล้าย ความสงบ สบาย เรียบ เรียบ ง่าย ง่าย ไม่พลุกพล่านนั่นแหล่ะ..

และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ นะ
เมื่อวานเย็นตอนหอบผ้าผ่อนจะกลับบ้าน ตัวเองนั้นก็ยังมึนๆ เลย ว่าตรูอยู่ส่วนใดในจังหวัดภูเก็ตฟระเนี่ย ..


วัดเจริญสมณกิจ หรือวัดหลังศาล ที่หลายคนรู้จักและมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้จัก ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้กับศาลากลางจังหวัด ใกล้กับศาลจังหวัด ใกล้กับสนามเทนนิส ขับรถมาจากโรงเรียนสตรีภูเก็ตให้ศาลจังหวัดอยู่ทางซ้ายและสนามเทนนิสอยู่ทางขวา ถึงสี่แยกไฟแดงก็เลี้ยวซ้าย ขึ้นตีนเขาโต๊ะแซ๊ะมาหน่อยเดียวก็ถึงวัดแล้ว ที่น่าแปลกคือ วัดอยู่ใกล้กับชุมชน ใกล้กับแสง สี และเสียงมากถึงมากที่สุด แต่วัดก็ยังคงความสงบร่มเย็นไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ทั้งความเรียบง่ายของพระสงฆ์สายธรรมยุต ต้นไม้น้อยใหญ่ เสียงสัตว์มากมายดังระงมเพราะอยู่ติดเขาโต๊ะแซ๊ะ แค่เราหักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้ามาให้ "ถูกทาง" ความเงียบสงบที่หลายคนพยายามค้นหาและต้องการ ก็ทะยานพุ่งเข้าใส่ในทันที ความรุบ รุบ วุ่นวาย จากกภายนอก รวมถึง "โลกภายนอก" นั้น ดูเหมือนจะถูกกั้นไว้แล้วด้วยเส้นบางๆ หากแต่เส้นกั้นบางๆ นี้ ก็ยังยินดีให้พุทธศาสนิกชนแวะเวียนเข้ามาอย่างไม่มีหวง..


ระยะเวลา 5 วัน ที่หวังให้เกิดความโปร่งโล่งสบายแก่แก่นกะโหลก และอาจได้ของแถมเป็นปัญญาบริสุทธิ์และความสงบตามมานั้น ณ วันนี้ มีความปิติยินดียิ่ง ที่จะเรียนให้แซ่บว่า สิ่งที่หอบติดตัวกลับมาหาใช่อิทธิฤทธิ์เหาะเหินเดินบนน้ำไม่ ตัดกรรมแก้กรรมอย่างที่ฮิตๆ กันก็ไม่มี แถมไม่มีลูกแก้วแววๆ ลอยอยู่ในพุงอีกด้วย(โชคดีจัง) เพราะสิ่งที่ได้มาล้วนแต่เป็นเรื่อง "เคลียร์ เคลียร์" พระสาสนโสภณ พระอาจารย์ผู้ให้ฝึกอบรม ได้กรุณาให้ความรู้มากมาย(จดไว้เตรียมเผยแพร่แล้ว และกรุณาอย่าขัดขืน หากในลำดับต่อไปข้าพเจ้าจะทำการโพทนาต่อ) จากอาการหวั่นๆ ว่าจะเจอการสอนปฏิบัติในรูปแบบไหน เพราะอาจมีชิ่งกลับได้ ในกรณีที่ผิดจริตที่ตั้งใจไว้ในลำดับแรก(ชี้ให้เหาะได้เมื่อไหร่ เป็นได้เผ่น) แต่สุดท้ายจากเด็กดื้อคนนึงที่มีคำถามอยู่ในใจในระยะแรกของการฝึกปฏิบัติ ก็ได้น้อมนำแนวทางรวมถึงคำสอน(อย่างง่าย) มาพิจารณาด้วยสัจธรรม ความจริง แต้ๆ และขอบอกว่า คิดไม่ผิดที่ตัดสินใจไป เพราะสิ่งที่ได้ร่ำเรียนมาเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการดำเนินชีวิต
ปวารณาตัวเป็นศิษย์รุ่น 2 ของพระอาจารย์เป็นที่เรียบร้อย :) แถมต้องห้อยหน้าที่ "ประชาสัมพันธ์" ที่ได้รับเลือกจากพี่ๆ รุ่นที่ 1 พร้อมกับมีหนังสือแต่งตั้งจากพระอาจารย์เป็นเรื่องเป็นราว หลังจากนี้จะขอทำหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย ถ่ายทอดทุกสิ่งอย่างที่ได้ยินได้ฟังได้สัมผัสเกี่ยวกับหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่พระอาจารย์ได้กรุณาปัดเป่าความเขลาให้ คำบาลีแต่ละคำต้องใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะตกผลึกเป็นคำอธิบายอย่างง่ายอย่างที่พระอาจารย์สอน วันนี้จึงรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้เข้าใจความเป็นจริงของชีวิต แม้จะไม่มากแต่อย่างน้อยก็ยังพอเข้าใจบ้าง ปล่อยวางได้บ้าง
สุดท้ายนี้ ..ขอให้พี่น้องทุกท่านพบกับความสงบ เจริญด้วยปัญญา รักษากายใจให้พบกับสมาธิ และสติ อันจะก่อให้เกิดความร่มเย็นแก่ชีวิตในทุกย่างก้าว หากพึงรักษาและระลึกไว้เสมอ "ศีล สติ สมาธิ ปัญญา"
ขออนุโมทนาสาธุ
แม่ชิล(จุ๊บ จุ๊บ)
::โปรดติดตามตอนต่อไป::
----------------------------------------------------------
วันพระจันทร์เต็มดวงปีนี้ มีโอกาสได้ไปเวียนเทียนที่วัดสุวรรณคีรีวงศ์ (ป่าตอง) กับเสือเธียร์ เฮียกอล์ฟ ลุงหนวด พี่จิ และยัยกะรอก .. ~~ เทียน ธูป ดอกบัว เวียนไป 3 รอบโบสถ์ ท่ามกลางแสงจันทร์นวลผ่องทอแสงอร่าม พร้อมกับได้ระลึกถึงสิ่งที่พระอาจารย์ได้พร่ำสอนไปด้วย
พบความจริงของวัดทุกแห่งในโลกนี้ ถึงแม้ประตูวัดจะอยู่ใกล้ แสง สี และเสียง มากขนาดไหน แต่เมื่อเราอยู่ในด้านที่ถูกที่ควร(ภายในรั้ววัด) ความวุ่นวายจากภายนอกแทบจะทำอะไรความสงบที่อยู่ภายใน(ใจ)ไม่ได้เลย ..
อันนี้สัมผัสแล้ว ยืนยัน..ว่าจริง!!
----------------------------------------------------------

22.2.53

ปิดปรับปรุงระบบ ~~

ปิดปรับปรุงระบบ 5 วัน

วันพรุ่งนี้มีกำหนดพาตัวและหัวใจตัวเองเดินทางไปปลีกวิเวก(ไม่โหวงเหวง) ที่วัดเจริญสมณกิจ หรือ วัดหลังศาล เป็นเวลา 5 วันถ้วน หลังจากติดภารกิจยุ่บยั่บมาหลายเพ-ลา ก็คงต้องถึงคราแวะพักประสาทสัมผัสทั้ง 5 ให้ได้นั่งนิ่งๆ หายใจแบบรวยระรินซะบ้าง กำหนดจริงต้องถึงวัดตั้งแต่วันอาทิตย์แต่เป็นเพราะติดภารกิจวันนี้(เก็บตัวอย่างหญ้าทะเลและโยน EM Ball ครั้งที่ 3)จึงต้องผลัดไปในวันรุ่งขึ้นแทน

การเดินทางไปนอนวัดในครั้งนี้เป็นการตัดสินใจด้วยสติที่มีอยู่อย่างบริบูรณ์ โดยไม่ต้องอาศัยเรื่องขุ่นข้องหมองใจที่ไหน ช่วยผลักไสหรือบีบบังคับให้ต้องระเห็ดไปพึ่งเย็นซะไกลถึงตีนเขาโต๊ะแซะ.. และเป็นเพราะรู้อยู่แก่ใจตัวเองเสมอมาว่า หากภายในมันยังร้อนๆ ต่อให้หอบผ้าหอบผ่อนไปนอนที่ไหนมันก็ยังหนีร้อนในใจไม่ได้ ฉันใดก็ฉันนั้น มาถึงบรรทัดนี้หลายคนคงสงสัยว่า "แล้วเหตุใดเจ้าจึงต้องเอาตัวกับใจไปอยู่วัดล่ะจ๊ะ หากคิดอย่างนั้น"
เหตุผลมีไม่มาก เพราะแค่ "อยากปิดมือถือ"
ปิดมือถือเพราะ ลาไปปฎิบัติธรรม ฟังดูเป็นเหตุเป็นผลที่ชอบธรรมและสมพงศ์กันมากๆ ซึ่งก็น่าจะต่างกันโดยสิ้นเชิงกับการปิดมือถือเพื่อไปเที่ยวหรือหนีอะไรบางอย่าง แม้เป้าหมายสุดท้ายจะใกล้เคียงความสุขเหมือนกันก็เถอะ ~~ ส่วนการจะลาพักร้อนแล้วนอนอยู่บ้าน ก็ลืมไปได้เลย เพราะคงเป็นเรื่องยากสาหัสที่จะสามารถวางทุกอย่างไว้ข้างกายได้ง่ายๆ
สอดส่ายสายตาหาที่ปรับปรุงและจัดวางระบบใหม่เรื่อยมา จนได้ข่าวการจัดอบรมกรรมฐานที่วัดหลังศาลเมื่อไม่นานมานี้ ส่งผลให้ตัดสินใจในทันทีว่าจะไป เพราะสืบถามแนวทางการปฏิบัติมาแล้วว่า..ไม่ได้บังคับให้เห็นอะไรมากไปกว่า "ความจริง" ~~ ด้วยเป็นคนดื้อ การใช้หลักบังคับ ยก ย่าง เดิน กำหนดนั่นนี่ ก็พาลจะบันดาลให้หัวใจอยู่ไม่สุขไปเปล่าๆ และหากทุกอย่างของการปฏิบัติเป็นการบังคับเพื่อให้เกิดสมาธิ อันนี้ยิ่งยากใหญ่(สำหรับข้าพเจ้า) เพราะหากหัวใจเท่ากำปั้นโดนบีบคั้นให้งัดเอาสมาธิขึ้นมาใช้ให้ได้ในบัดดล มันก็คงจะต้องสับสนกันไปใหญ่ สมาธิอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่มันก็เป็นเรื่องง่ายๆ ที่เราเชื่อหมดใจว่าถ้าบังคับมัน ยังไงซะ.. มันก็ไม่มีทางมาให้เห็นหน้าแน่นอน และเมื่อค้นหาแนวทางที่ตัวเองนิยมได้แล้ว(แม้จะเพียงลำพัง) ก็ถึงเวลาค่อยๆ เดินเข้าไปหามัน ช้า ช้า

5 วัน ทำมะ? ทำมะ ธรรมะ แค่ 5 วัน
อันที่จริงการนุ่งขาวห่มขาว กินมื้อเดียว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร นั่งสมาธิ สวดมนต์ ทำวัตรเช้าเย็น ไม่ได้ทำให้ชีวิตใครได้บุญญาธิการมากหรือดีขึ้นได้ในชั่วกระพริบตา แต่สิ่งที่อาจช่วยเชิดหน้าชูตาให้ชีวิตของเราง่ายขึ้นบ้าง ก็น่าจะมาจากการที่เราคิดได้ง่ายขึ้น เพราะธรรมชาติโดยรอบระหว่างที่กบดานอยู่ในวัด โดยไม่มีแสง สี และเสียงรบกวน น่าจะช่วยเอื้ออำนวยพรให้เกิดกระบวนการการคิดทบทวนถึงสิ่งที่ไหลบ่าเข้ามาในชีวิตด้วยสติ เหตุการณ์ต่างๆ ทั้งร้ายดีที่เราได้สัมผัสเรื่อยมาจนถึงอายุปูนนี้ อาจช่วยให้เรามองไปข้างหน้าได้อย่างชัดเจนขึ้น ไม่ผสมปนเป หายใจหายคอไม่ทันเหมือน ณ ขณะนี้ ความสุขที่เกิดจากการ "หมุนรอบตัวเอง" กำลังจะล้นเอ่อจนเหมือนกับจะเจอทางตัน เพราะฉะนั้น ณ วันนี้ คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการนั่งนิ่งๆ ให้ความคิด ความทรงจำ ทั้งหลายแหล่ ค่อยๆ เข้าที่เข้าทางในที่ทางของมันเอง เพื่อจะได้เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ได้อย่างเยือกเย็นต่อไปในอนาคต ~ ~
ปล.หากคิดถึง ให้ทำใจดีๆ ไว้ หายใจลึกๆ ไม่ต้องตามใจตัวเองจนถึงขั้นลงแดงและแว้บไปหา ไม่นานเกินหนอนใบไม้เดินข้ามฟากต้นยี่โถ วันอาทิตย์ก็จะแวะเวียนมาใหม่ ระยะนี้ก็อ่านเรื่องราวที่ผ่านมาใน blog ของข้าพเจ้าไปก่อน และขอให้รู้ไว้เสมอว่า(สำหรับมิตรรักแฟนเมลทั้งหลาย) ..แค่รู้ว่ากำลังคิด ว่าคิดถึง ก็น่าจะเพียงพอแล้ววววล่ะ สำหรับพอศอนี้ ~ ~

CSR News_22Feb10

พล.ท.ดร.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 ร่วมเก็บตัวอย่างหญ้าทะเลและโยน EM Ball ครั้งที่ 3 บริเวณแหล่งหญ้าทะเลบ้านป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ร่วมกับคณะผู้บริหารโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตและมูลนิธิมรรคาวาณิช ในโครงการอนุรักษ์หญ้าทะเลและพะยูน จ.ภูเก็ต โดยนายสมิทธิ์ ปาลวัฒน์วิไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตให้การต้อนรับเช้าวันนี้(22 ก.พ.)

โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตร่วมกับมูลนิธิมรรคาวาณิช สานต่อโครงการอนุรักษ์หญ้าทะเลและพะยูนจังหวัดภูเก็ตโดยทดลองใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ(EM) ตามคำแนะนำของ พล.ท.ดร.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ซึ่งได้ให้เกียรติเป็นที่ปรึกษาโครงการและร่วมกิจกรรมโยน EM Ball ครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2553 ที่ผ่านมา โดยใช้แหล่งหญ้าทะเลบริเวณบ้านป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เป็นพื้นที่นำร่องโครงการฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเลให้อุดมสมบูรณ์ โดยทางโรงพยาบาลฯ และมูลนิธิฯ ได้จัดกิจกรรมโยน EM Ball อย่างต่อเนื่องเดือนละ 1 ครั้ง ภายใต้การนำของ ปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะ และนนทลี มรรคาวาณิช ประธานมูลนิธิมรรคาวาณิช พร้อมกับเก็บข้อมูลเพื่อหามวลชีวภาพของหญ้าทะเลและการเจริญเติบโตของหญ้าทะเลหลังจากโยน EM Ball ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก นายภูเบศ จอมพล นักวิชาการประมง จากสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน ร่วมสำรวจและวิจัยปริมาณหญ้าทะเลที่มีอยู่เดิมพร้อมกับสุ่มเก็บตัวอย่างหญ้าทะเลหลังได้รับปุ๋ยจาก EM Ball ต่อเนื่องเป็นเวลา 3 เดือน(สุ่มเก็บตัวอย่าง 4ครั้ง) เพื่อใช้ผลการสำรวจดังกล่าวเป็นข้อมูลทางวิชาการในการวางแผนอนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเลต่อไป

เวลา 08.00 น. นายสมิทธิ์ ปาลวัฒน์วิไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต คุณปิยะนุช หงษ์หยก กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต จำกัด นพ.ก้องเกียรติ เกษเพ็ชร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต พร้อมคณะผู้บริหารโรงพยาบาลฯ และหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ได้ร่วมต้อนรับ ดร.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 บริเวณโรงเรียนวีรสตรีอนุสรณ์ จากนั้นได้เดินไปเก็บตัวอย่างหญ้าทะเลและดูร่องรอยการกินหญ้าทะเลของพะยูน พร้อมกับโยน EM Ball 8,000 ลูก โดยท่านแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ฝากให้หน่วยงานราชการและองค์กรต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต ที่ดูแลและรับผิดชอบได้เป็นกำลังสำคัญในการช่วยเหลือชาวบ้านฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลอันมีค่า เพื่อให้ชาวบ้านได้ใช้เป็นแหล่งทำมาหากินและสามารถดำรงวิถีชีวิตแบบเดิมต่อไปได้ ซึ่งจากการจัดกิจกรรมโยน EM Ball 2 ครั้งที่ผ่านมา ส่งผลให้หญ้าทะเลอุดมสมบูรณ์ขึ้น อีกทั้งยังมีสัตว์น้ำหลายชนิดมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จึงนับได้ว่าระบบนิเวศในบริเวณนี้ดีขึ้นเป็นลำดับ

จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 4 ได้เยี่ยมเยียนและสอบถามชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรบ้านป่าคลอก โดยนางจุรี และนายจุรุณ ราชพล สมาชิกกลุ่มอนุรักษ์ฯ ที่ยืนหยัดปกป้องและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติบริเวณบ้านป่าคลอกเสมอมา กล่าวว่า “หญ้าทะเลปีนี้มีความอุดมสมบูรณ์มาก เห็นได้จากเมื่อน้ำลง จะมีหญ้าทะเลสีเขียวเต็มไปหมด และจากที่ได้เดินไปหากุ้ง หอย ปู ปลา อยู่ทุกวัน ก็เลยเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน เพราะปีก่อนๆ หญ้าจะขึ้นเป็นหย่อมๆ ไม่เต็มทะเลแบบนี้ ตั้งแต่มีการโยน EM Ball เมื่อปลายปีก่อน ตอนนี้มีหญ้าทะเลขึ้นใหม่เยอะ น้ำก็ใส พอน้ำดีขึ้นหญ้าทะเลก็อุดมสมบูรณ์ สัตว์น้ำก็มากขึ้นตามไปด้วย ตอนนี้ชาวบ้านสามารถหา กุ้ง หอย ปู ปลา ได้มากกว่าเมื่อก่อน” ชาวบ้านทั้งสองคนกล่าว

นพ.ก้องเกียรติ เกษเพ็ชร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตกล่าวว่า “โครงการโยน EM Ball เพื่อฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเลบ้านป่าคลอก จะมีขึ้นอีกครั้งในเดือนหน้า(มีนาคม) โดยหลังจากสุ่มเก็บตัวอย่างครบทั้ง 4 ครั้งแล้ว ทางสถาบันวิจัยฯ จะสรุปผลของมวลหญ้าทะเลที่เข้าสู่กระบวนการวิจัยตั้งแต่ครั้งแรกมาให้ เพื่อใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงและเป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเลในพื้นที่อื่นต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม โครงการฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเลบ้านป่าคลอก และการแก้ปัญหาน้ำเสียในชุมชนที่ทางโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตและมูลนิธิมรรคาวาณิชได้จัดขึ้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นในการช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมในชุมชน เพราะการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ย่อมเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจกันของคนในชุมชนที่จะช่วยกันอนุรักษ์และหวงแหนทรัพยากรทางธรรมชาติอันมีค่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างชุมชนที่เข้มแข็ง เพื่อช่วยกันดูแลสิ่งแวดล้อมในชุมชนได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป



สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ จุ๊บ จุ๊บ
ฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต
โทร 084-3095115 หรือ 1719 ต่อ 2297 Email : jubjub.bpk@gmail.com

19.2.53

เก็บหญ้าทะเลครั้งที่ 3


วันจันทร์ที่ 22 ก.พ.นี้ เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป พวกเราจะยกขบวนไปสำรวจร่องรอยการกินหญ้าทะเลของเจ้าพะยูนน้อยพร้อมกับเก็บตัวอย่างหญ้าทะเลครั้งที่ 3 หลังจากโยน EM Ball และฉีดน้ำ EM ขยาย ไปแล้ว 2 ครั้ง(เดือนละครั้ง) ตั้งแต่ 19 ธ.ค. ที่ผ่านมา ครั้งนี้จึงนับเป็นครั้งที่ 3 แล้วสำหรับกิจกรรมนี้

ส่วนคุณภูเบศ(นักวิชาการประมงจากสถาบันวิจัยฯ) ก็นำเอาตัวอย่างทั้งสองครั้งเข้าสู่กระบวนการ ชั่ง อบ ย่าง เรียบร้อยแล้ว เหลืออีก 2 ครั้ง เราก็จะทราบผลอย่างเป็นทางการแล้วว่า จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ (EM) จะมีผลต่อการเจริญเติบโตของแหล่งหญ้าทะเลอาหารหลักของเจ้าพะยูนรึเปล่า..
แต่ที่แน่ๆ เมื่อเช้า(19ก.พ.) พี่จุ๋มกับจุ๊บๆ แวะไปหาป้าแต๋ว(ผู้ผลิตเครื่องแกงตำมือรสชาติดี หน้าหาดป่าคลอก) บอกกับพวกเราว่า หญ้ามันเขียวขึ้น สดขึ้น จากที่เมื่อก่อนขึ้นเป็นหยุม หยุม(ภาษากลางเค้าเรียก หย่อมๆ) แต่ตอนนี้ขึ้นเต็มไปหมด เวลาโดนแสงอาทิตย์ตอนเช้ายิ่งสวย ป้าเดินลงไปทุกวัน เลยเห็นความเปลี่ยนแปลง ปีนี้หญ้างามกว่าปีก่อนๆ จริงๆ :)(ได้ยินแล้วชื่นใจ)
สำหรับวันที่ 22 ก.พ.นี้ จะมีผู้ร่วมเดินทางไปสำรวจ+เก็บตัวอย่างหญ้าทะเล และโยน EM Ball
- พล.ท.ดร.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4
- คุณปิยะนุช หงษ์หยก กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต จำกัด
- นพ.ก้องเกียรติ เกษเพ็ชร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต
- นพ.บดินทร์ ละเอียด รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต
- นพ.โสภณ กฤษณะรังสรรค์ ผู้อำนวยการศูนย์หัวใจโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต
- คุณปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต
- คุณนนทลี มรรคาวาณิช ประธานมูลนิธิมรรคาวาณิช
- คุณภูเบศ จอมพล นักวิชาการประมงจากสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลฯ

หากพี่น้องท่านใด สนใจจะร่วมเดินทางไปกับพวกเราก็แจ้งความประสงค์มาที่ จุ๊บ จุ๊บ นะคะ โทร 084-3095115 ค่ะ วันจันทร์ 22 กุมภาพันธ์ ตั้งแต่ 08.00 - 10.00 น. โดยช่วงเช้า 8 โมง หลังจากเรือบินของท่านแม่ทัพลงจอดที่โรงเรียนวีรสตรีอนุสรณ์แล้ว พวกเราก็จะลงพื้นที่กันทันทีเลยค่ะ ด่วนๆ เพราะกลัวน้ำขึ้น อ.มานะ(ครูผู้ถ่ายทอดความรู้เรื่องพะยูนและหญ้าทะเลให้แก่พวกเราตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ) บอกว่า 9 ค่ำ น้ำมันจะลงไม่สุด เลยต้องรีบกันหน่อย :)
กิจกรรมวันที่ 22 ก.พ. ก็มี ..
- สำรวจหญ้าทะเลที่เขียวขจีเต็มทั่วท้องทะเลพร้อมกับมองหาร่องรอยการกินหญ้าทะเลของเจ้าพะยูนน้อย
- เก็บตัวอย่างหญ้าทะเลในแบบฉบับของนักวิชาการประมง
- โยน EM Ball (โยนช่วงเช้าบางส่วน แล้วช่วงบ่ายก็จะลงเรือไปโยน EM Ball ทั้งหมดค่ะ)
แล้วในภาคบ่าย ตั้งแต่ 15.00 น. เป็นต้นไป พวกเรา (พี่จุ๋ม พี่กระแต และทีมงาน) ก็จะลงเรือหางยาวไปโยน EM Ball กันอีกที โดยในครั้งนี้ เราจะใช้ EM Ball ทั้งสิ้น 8,000 ลูกค่ะ สำหรับภาคบ่ายอาสาสมัครท่านใดสนใจจะไปโยน EM Ball กับพวกเรา ขออนุญาตเก็บค่าโดยสารเรือลำน้อยคนละ 80 บาทนะคะ ส่วนตอนเช้าลุยโคลนฟรี ไม่คิดตังค์ค่ะ!!

CSR News_18Feb10

คณะแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ร่วมบริจาคตุ๊กตาในโครงการทอดผ้าป่าหนังสือและของเล่น เพื่อนำไปมอบให้แก่ห้องสมุดเด็กวัดสามัคคีธรรม(ป่าส้าน) อ.คุระบุรี จ.พังงา โดยทางโรงพยาบาลฯ เปิดรับบริจาคทั้งหนังสือเรียน นิทาน หนังสือความรู้ทั่วไป อุปกรณ์กีฬา ของเล่นเสริมจินตนาการต่างๆ ทั้งแบบใหม่และของมือสอง ท่านใดสนใจสามารถร่วมบริจาคได้ที่กล่องรับบริจาคบริเวณแผนกต้อนรับและบริการชั้น 1 โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2553 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 1719 ต่อ 2297

เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา ปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต และนนทลี มรรคาวาณิช ประธานมูลนิธิมรรคาวาณิช ร่วมบรรยายในหัวข้อ การใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ (EM) กับสิ่งแวดล้อม ให้แก่นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต โดยอธิบายหลักการทำงานของจุลินทรีย์เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจก่อนให้นักศึกษาทุกคนได้ทดลองผสมน้ำ EM ขยายด้วยตัวเอง แล้วนำกลับไปใช้ที่บ้านเพื่อช่วยลดการใช้สารเคมีที่ทำลายสิ่งแวดล้อมในชุมชน โดยเตรียมสานต่อโครงการปั้น EM Ball เพื่อช่วยบำบัดแหล่งน้ำเสียบริเวณคูน้ำรอบมหาวิทยาลัยฯ ต่อไปด้วย

นักรบ ว่องไววิทย์ เป็นตัวแทนนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต(ขวา) มอบกระเช้าให้แก่ ปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต และนนทลี มรรคาวาณิช ประธานมูลนิธิมรรคาวาณิช เพื่อแสดงความขอบคุณในโอกาสที่เป็นวิทยากรบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ (EM) กับสิ่งแวดล้อม ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ ณ อาคาร 11 มหาวิทยาลัยราชภัฎภูเก็ต เมื่อวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา

18.2.53

หอมกลิ่น . . อินตะระเดีย ~~


อีนี่จ๋าได้รับของฝากจากแดนอินตะระเดียบ่ายวันนี้ สิ่งที่ผู้ให้ขำกลิ้งและแอบลักลอบนำออกนอกประเทศก็คือ สบู่ก้อนจิ๋ว ที่กลิ่นรัญจวนใจไปถึงตับอ่อน แต่เรื่องของกลิ่นก็ยังไม่ชวนพิศวงเท่ากับเรื่องความมั่นคงของชาติที่ยัง งง งง ว่ามันไปเกี่ยวกันได้จะได.. โชคดีที่ไม่โดนกักตัวไว้ที่ด่านตรวจ ถ้าเค้ารู้ว่าแอบเอาผลผลิตระดับชาติติดมาด้วย มีหวังได้นอนกับลุงหนวดหอมกลิ่นเครื่องเทศที่นั่นแน่ๆ :)

หยิบสบู่ก้อนเล็กๆ สีน้ำตาล แบนๆ ออกมาจากกล่องแค่แว้บเดียว กลิ่นมันก็ขจรขจายไปทั่วแล้ว แถมยังตลบอบอวลอยู่อย่างนั้น แม้จะเอาลงกล่อ
งไปแล้ว และยังคงวนเวียนอยู่ไม่ไปไหน ประหนึ่งมี สบู่เขียวๆ นกแก้วแบบโบราณบ้านเราสัก 20 ก้อน มาวางอยู่รอบๆ จมูก



สัณนิษฐานว่า รัฐบาลอินเดียคงตระหนักถึงวัฒนธรรมยอดฮิตที่หนุ่มสาวต้องพากันวิ่งข้ามเขา 3 ลูก กว่าจะได้คุยกันสักคำ ไม่นับที่ต้องทำคอยึกยือ หลบซ้ายหลบขวาอีก เท่านี้..ก็ปาเข้าไปแล้วครึ่งวันแล้วยังไม่ได้คุยกันเล่ะ ปัญหานี้จึงเป็นปัญหาระดับชาติอินเดีย เค้าเลยสนับสนุนให้คนได้พบกันโดยง่าย เพียงใช้สบู่ก้อนนี้ถูตัวแล้ว จะช่วยบรรเทาปัญหา "การหาไม่เจอ" วิ่งข้ามเขาไปแล้ว 5 ลูก ผู้บ่าวก็ยังตามกลิ่นมาจนได้ ..นะอีนี่จ๋า haha ไม่แปลกใจ!! ทำไม คนอินเดียลูกดก ทั้งที่ใช้เวลาในการค้นหาสาวเจ้านานกว่าชาติใดในโลกเลยนะเนี่ย


ข้างกล่องเขียนว่า :: สบู่ ถือเป็น ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ ต้องให้รัฐผลิตเท่านั้น เพื่อคง กลิ่นอินเดีย ไว้ตลอดไป


ส่วนอีกชิ้นเป็นกระเป๋าคล้องคอสีฟ้าสดใส ซึ่งผู้ประทานให้ได้แจ้งแถลงไขว่า เค้าทอผ้าเอง.. ตัวข้าพเจ้านี้มิเชื่อ จึงลองดมดู ปิ้งป่อง!! อืมม.. ยืนยันถึงที่มาของผ้าได้ชัดเจนยิ่ง เพราะกลิ่นบางๆ ที่ติดอยู่ที่เนื้อกระเป๋าน่ะ เป็นกลิ่นเฉพาะที่เราพอเดาได้ว่ามันมาจากส่วนไหนของโลก..

จะว่าไปช่วงนี้ได้ยินคนพูดถึงอินเดียบ่อยจัง ไปดูเดี่ยว 8 อุดมก็ชูเรื่องนี้เป็นสำคัญเลย เห็นการันตีว่า หากมีโล่ห์อยู่หนึ่งอันจะมอบให้จีนชนะเลิศในเรื่องห้องน้ำ อุดมก็ขอให้เก็บโล่ห์เอาไว้ก่อน แล้วลองไปสัมผัสอินเดีย กลับมาแล้วจะพบสัจธรรม มองสิ่งต่างๆ รอบกายได้เป็นธรรมดาเป็นธรรมชาติไปหมด และสำหรับคนที่ไปสัมผัสแล้วนำกลับมาเป็นเครื่องเตือนใจในชีวิตที่ยังคงวนเวียนหมุนรอบไปไม่สิ้นสุด ก็อาจจะปลงได้ทุกอย่างแม้กับสิ่งที่เคยตั้งแง่ว่าไม่ยอม ไม่ได้ ไม่เอา นั่นของกู นี่ของกู

ได้สนทนากันเรื่องขี้ ขี้ เพราะได้ยินอุดมเล่ามา ว่าขี้เกลื่อนเมืองจริงรึเปล่า? ท่านผู้ประทานของฝากจึงแจ้งแถลงไขว่า เมื่อคราวมหาตมะ คานธี ระดมชาวบ้านขับไล่ชาวอังกฤษ เพื่อจะหนีจากการเป็นเมืองขึ้นนั้น มหาตมะหัวใสได้สนับสนุนให้ชาวบ้านออกมาขี้หน้าบ้าน จนอังกฤษต้องล่าถอยไป ด้วยไม่ไหวจะเคลียร์!!

แต่เมื่ออังกฤษหนีภัยอึไปไกลแล้ว ชาวบ้านก็ยังคงรักษาวัฒนธรรมอึนอกบ้านเอาไว้อย่างเหนียวแน่น พูดแล้วก็อยากไปดู อยากไปเยือนสักครั้ง อินตะระเดีย


ก็ชีวิตมันมีอยู่ แค่นี้..

16.2.53

ไปดมมาแล้ว!!

หอบเจ้าดมด็อกกลับมาสู่ภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ เมื่อประมาณบ่ายแก่ๆ ของวันนี้.. ด้วยอุณหภูมิความสุขที่ยังคุกรุ่นขจรขจายครอบคลุมทุกพื้นที่รอบตัว ลุงหนวดต้องโทษให้ไปรับพวกเราถึงสนามบินนานาชาติภูเก็ต ด้วยเวลาที่ช้ากว่ากำหนดจริง(โคตรๆ)

นั่งดูภาพจาก 3 กล้อง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม .. ไว้จะเล่าให้ฟังในเพลาต่อไป กับการเดินทาง(ด้วยเท้าเปล่า)ของ 2 หอยทากน้อย ที่คลานไปเรื่อยเปื่อยด้วยความเร็ว 3 กม.ต่อชั่วโมง ในระหว่างวันที่ 13-16 กุมภาพันธ์ กับทริป ตามไปดม อุดมน้อย ของกระผม ซึ่งขอการันตีว่า ทุกท่านจะไม่ผิดหวัง เดี่ยว 8 กับ 8 ครั้ง ของประสบการณ์ที่อุดมได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน ได้ออกดอกออกผลมาเป็นผลผลิตอันงดงาม การจัดระบบทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบเป็นไปด้วยดีและราบรื่นมาก ทีมงานที่ใส่เสื้อเตือนใจตัวเองให้ระลึกไว้เสมอว่าตัวกำลังทำอะไร เดินกันขวักไขว่ และมันไม่ได้มีความหมายอื่นใดนอกไปจากการเตรียมการเป็นอย่างดีที่จะรับมือกับความวุ่นวายของมนุษย์ที่มารวมตัวกันกว่า 3,000 คน ต่อ 1 รอบ อะไรทำให้อุดมมาแรงแซงทางโค้ง พุ่งเข้าเส้นชัยมานั่งอยู่กลางใจใครหลายคน รอติดตามชม เพราะกระผมยินดีจะเล่าให้ฟัง(อย่างแรง) ด้วยว่า.. การเดินทางไปครั้งนี้ ไม่ได้ไปดูแต่ตาเฉยๆ เพราะได้เอาหัวใจพองโตไปกักตุนทุกสิ่งอย่างที่ได้ผ่านมาให้สัมผัสโดยละม่อมด้วย เพราะฉะนั้น หลังจากเคลียร์ภาระการงานบานตะไทเสร็จเรียบร้อย ~~ ก็จะเร่งมาปล่อยของจ้า!!
ไม่อยากรู้ ไม่เป็นไร อยากเล่า ..
ติดตามชมความสุขกรุ่นๆ ที่บุตรชายของคุณนายทองสุขได้มอบให้ผู้คนนับหมื่น นับล้านบนโลกใบนี้ ได้ที่นี่.. หลังจากข้าพเจ้า "หายหูตูบ" แล้วนะจ๊ะ (ไม่นานเกินรอ สัญญา..) พร้อมภาพบรรยากาศภายนอก(Paragon Hall)แบบเต็มๆ เพราะเป็นพื้นที่ ที่อุดมอนุญาต ส่วนด้านใน อดดด!! ทุกคน(ถ้าไม่ละเมิด) สามารถซึมซับได้ด้วย 2 ตา 1 ใจ แล้วเอามาประทับไว้ในความทรงจำ(ตัวใครตัวมัน) ได้ทันที
เดี่ยวแปด(8) โดย อุดม แต้พานิช (พี่โหนด,นมอุโด้ด)
รอบวันที่ 14 ก.พ. 2553 เวลา 19.00 - 24.00 น.
(4 ชั่วโมงถ้วนที่อยู่ด้วยกัน.. เราสามคน กับคนหมู่มาก ~~)

12.2.53

BPK CSR News 12Feb10

โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต สานต่อโครงการเสื้อผ้าลดโลกร้อน ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต นำทีมเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครเดินทางไปมอบเสื้อผ้าและสิ่งของบริจาคจำนวนมาก ให้แก่พระครูสุวัตถิธรรมรัต เจ้าอาวาสวัดสามัคคีธรรม(ป่าส้าน) อ.คุระบุรี จ.พังงา เพื่อนำไปช่วยเหลือชาวไทยและชาวมอแกนที่อพยพจากเกาะพระทองหลังจากประสบภัยพิบัติสึนามิตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งพระครูสุวัตถิธรรมรัตได้รวบรวมเงินบริจาคทั้งหมดซื้อที่ดินและสร้างบ้านให้ทั้ง 74 ครอบครัว หลังจากต้องอาศัยบ้านชั่วคราวภายในวัดกว่า 2 ปี พร้อมจัดตั้งศูนย์เด็กเล็กสิรินธรไว้ดูแลเด็กๆ อีกด้วย


ปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต รับมอบอุปกรณ์ช่วยเดินจากกัญญารัตน์ เจียมบรรจง หัวหน้าแผนกกายภาพบำบัด(ซ้าย) เพื่อนำไปมอบให้แก่ผู้สูงอายุที่อยู่ในความดูแลของพระครูสุวัตถิธรรมรัต เจ้าอาวาสวัดสามัคคีธรรม(ป่าส้าน) อ.คุระบุรี จ.พังงา เมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา


ปริมล ไพรสำราญ ผู้อำนวยการโรงเรียนเฮดสตาร์ทอินเตอร์เนชั่นแนล พร้อมคณะครูและนักเรียน ร่วมบริจาคเสื้อผ้าและของเล่นในโครงการเสื้อผ้าลดโลกร้อน ครั้งที่ 3 ให้แก่ปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต เพื่อนำไปช่วยเหลือชาวไทยและชาวมอแกนที่อพยพจากเกาะพระทองหลังประสบภัยพิบัติสึนามิเมื่อปี 2547 โดยอยู่ในความดูแลของพระครูสุวัตถิธรรมรัต เจ้าอาวาสวัดสามัคคีธรรม(ป่าส้าน) อ.คุระบุรี จ.พังงา


เมื่อวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ชาวบ้านจากหมู่บ้านเทพรัตน์และเทพประทาน อ.คุระบุรี จ.พังงา ได้ช่วยกันลำเลียงเสื้อผ้าและสิ่งของบริจาคในโครงการเสื้อผ้าลดโลกร้อน ครั้งที่ 3 ซึ่งทางโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตได้เป็นศูนย์กลางในการรวบรวมน้ำใจจากคณะแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ และชาวภูเก็ต ตั้งแต่ปลายปี 2552 โดยปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะเป็นตัวแทนมอบให้แก่พระครูสุวัตถิธรรมรัต เจ้าอาวาสวัดสามัคคีธรรม(ป่าส้าน) อ.คุระบุรี จ.พังงา เพื่อดำเนินการแจกจ่ายให้แก่ชาวไทยและชาวมอแกนทั้ง 74 ครอบครัวที่อยู่ในความดูแลของวัดต่อไป


ปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต เป็นตัวแทนรับขนมโดนัทจาก Mr.Gregory(Woody) & Mrs.Duangkhae Leonhard เพื่อนำไปมอบให้แก่เด็กๆ จากศูนย์เด็กเล็กสิรินธร วัดสามัคคีธรรม(ป่าส้าน) อ.คุระบุรี จ.พังงา ที่เข้าร่วมกิจกรรมกับทางโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่ผ่านมา


ปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต นำทีมเจ้าหน้าที่ร่วมเล่นเกมและชมการแสดงจากศูนย์เด็กเล็กสิรินธร วัดสามัคคีธรรม(ป่าส้าน) อ.คุระบุรี จ.พังงา พร้อมมอบของรางวัลให้แก่เด็กๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่สนุกสนาน

ทอดผ้าป่าหนังสือและของเล่น




ในระหว่างที่ยังรอหลวงพ่อ(พระครูสุวัตถิธรรมรัต เจ้าอาวาสวัดป่าส้าน อ.คุระบุรี จ.พังงา) จัดทำใบฎีกาทอดผ้าป่าหนังสือและของเล่นอยู่นั้น พี่จุ๋ม(ปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต) เลยบอกให้จุ๊บ จุ๊บ จัดเตรียมกล่องเพื่อรับของบริจาค ตั้งแต่วันอังคารที่ 16 ก.พ.เป็นต้นไป จะได้ไม่เสียเวลา และเป็นการบอกกล่าวกันตั้งแต่เนิ่นๆ เผื่อเวลาให้พี่น้องทุกท่านได้มีเวลาเก็บรวบรวมหนังสือและของเล่นมาให้พวกเราอย่างล้นหลาม(คาดหวังมาก) โดยตั้งเป้าให้ห้องสมุด(โล่งๆ) แห่งนี้ กลายเป็นแหล่งดึงดูดให้เด็กๆ ในละแวกนั้น ได้เข้ามากบดานในทุกๆ วันหยุดสุดสัปดาห์ และทุกคราที่มีเวลาว่างด้วย
อาคารหลังนี้ มีคนใจดีรวบรวมเงินสร้างให้ โดยหลวงพ่อก็ตั้งใจให้เป็นห้องสมุดตั้งแต่แรกเริ่ม ติดตรงที่อาคารสร้างเสร็จแล้ว แต่ยังไม่มีหนังสือ ไม่มีของเล่น อย่างที่ตั้งใจนี่สิ!!
จากบุญพาวาสนาส่งให้พวกเราได้ไปรับรู้เรื่องราว และจุดมุ่งหมายของโครงการต่างๆ ภายในวัด จึงเป็นที่มาของโครงการทอดผ้าป่าหนังสือและของเล่นในครั้งนี้ โดยจะเปิดกล่องรับบริจาคหนังสือนิทาน หนังสือเรียน หนังสือความรู้ทั่วไป เรื่องสั้น ของเล่น ตุ๊กตา จากทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2553 และจะเดินทางไปมอบให้แก่ ห้องสมุดเด็ก วัดสามัคคีธรรม(ป่าส้าน) อ.คุระบุรี จ.พังงา ประมาณต้นเดือนเมษายน 2553(จะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบเป็นระยะ)
ขอให้น้ำใจชาวภูเก็ต พังงา และกระบี่ ได้มีโอกาสหลั่งไหลมารวมกันที่ห้องสมุดแห่งนี้ด้วยนะคะ!!

11.2.53

หอมกลิ่น udom

อุตส่าห์ไปทอดสะพานให้ถึง iberry ตั้งหลายครั้ง แต่ก็กินแห้ว!! ไม่เคยได้เจอสักที..

เพลานี้ จึงต้องไปเสนอหน้าให้เจอตัวเป็นๆ ซะเอง ด้วย 14 ก.พ.เมื่อหลายปีก่อน ตอนเดี่ยว 4 ได้มีวาสนาไปป๊ะกันมา 1 ที มาวันนี้..เดี่ยว 8 ฤกษ์งามยามดีจึงขอเสนอหน้าอีกทีละกัน(ตอนนั้นยังขอตังค์คุณแม่อยู่เลยอ่ะ นาทีนี้ต้องจ่ายเองซะแระ หุหุ)

อีกไม่กี่วัน เจอกันนะจ๊ะ ตั้งใจจะไปอุดหนุนยาดมของอุดมด้วย เอามาดมแก้วิงเวียนและเป็นศรีแก่โพรงจมูกบานๆ ของตัวเอง .. ล่าสุดก็เพิ่งถอย "ฮิ" มา และน่าจะยังคงติดตามเป็นแฟนตัวจี๊ดเสมอไป แต่ขอยกเว้นภาพยนตร์นะ(ไม่ไหวจะเคลียร์) จะคอยดม คอยดู และเป็นกำลังใจให้นะ :)

จะว่าไปก็รู้สึกดีเหมือนกันที่คนข้างกายเมื่อเดี่ยว 4 ปีกระโน้นกับเดี่ยว 8 ครั้งกระนี้ คือ คนเดียวกัน :)

พอได้ข่าวก็ตาลีตาเหลือกจองบัตรทั้งที่ไม่รู้ว่ามันตรงกับตรุษจีน โชคดีที่ทางบ้านไม่ค่อยอะไรมากกับเทศกาลนี้

ขอเพียงแจกจ่ายอั่งเปาซองแดงๆ ให้ครบทู๊กกกคนก่อน แล้วจะไปท่องเที่ยวที่ไหน ก็ได้ท้างน้าน หุหุ ..

ภาพจาก udomclub คลับของคนรักอุดมจ้า..

ครบรอบ 1 ปี The Library Cafe

ข่าวฝากประชาสัมพันธ์

A+ โปรดทราบ!!

ขอประชาสัมพันธ์ข่าวด่วน
ต้องการเลือดด่วน... หมู่โลหิต A (Rh Positive)
ขอเชิญผู้บริจาคโลหิตหมู่พิเศษบริจาคโลหิตได้ที่ภาคบริการโลหิตแห่งชาติ จ.ภูเก็ต
วันจันทร์ พุธ และศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น.
อังคาร และพฤหัสบดี เวลา 08.30-20.00 น.
เสาร์ อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-15.00 น.

** ฝากกระจายข่าวไปให้ทราบโดยทั่วถึงกันด้วยนะค้าบ *

** ท่านใด(ไม่ใช่ A+) สนใจร่วมบริจาคโลหิตก็สามารถบริจาคได้เช่นกัน เพราะทางภาคบริการโลหิตแห่งชาติ จ.ภูเก็ต ต้องการโลหิตทุกหมู่โลหิต เพื่อนำไปช่วยผู้ป่วยในโรงพยาบาลทั้ง 6 จังหวัดอันดามัน โดยสามารถติดต่อขอบริจาคได้ตามวัน เวลาข้างต้น

9.2.53

7.2.53

BPK CSR News_โครงการเสื้อผ้าลดโลกร้อน ครั้งที่ 3



โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตจัดโครงการเสื้อผ้าลดโลกร้อน ครั้งที่ 3 ขึ้น โดยเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมเสื้อผ้าและสิ่งของบริจาคจากคณะแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ ตลอดจนชาวภูเก็ตและผู้ที่เข้ามาใช้บริการในโรงพยาบาลฯ ตั้งแต่ปลายปี 2552 โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสื่อมวลชนในการประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่างๆ ทำให้ได้รับเสื้อผ้าและสิ่งของบริจาคจำนวนมาก และเมื่อวันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พี่จุ๋ม (ปารียา จุลพงษ์ ผู้จัดการฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต) ได้นำทีมเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครออกเดินทางพร้อมกับสิ่งของบริจาคบนรถ 6 ล้อ 1 คัน รถกระบะอีก 1 คัน มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่วัดสามัคคีธรรม (ป่าส้าน) อ.คุระบุรี จ.พังงา เมื่อเราไปถึงก็มีเยาวชนจากศูนย์เด็กเล็กสิรินธรวัดสามัคคีธรรม จัดการแสดงต้อนรับอย่างอบอุ่น

จากนั้นพวกเราทุกคนได้ฝากท้องกันที่วัดและเข้าฟังพระครูสุวิตถิธรรมรัต เจ้าอาวาส เล่าเหตุการณ์ตอนที่ให้ความช่วยเหลือชาวบ้านจากเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 2547 พร้อมกับภาพประกอบที่ทำให้หวนระลึกถึงบรรยากาศในเวลานั้นได้อยางดี แล้วก็ซึมกันไปเป็นทิวแถว .. ได้ฟังโครงการมากมายที่หลวงพ่อได้ริเริ่มและสานต่อเรื่อยมา ทั้งเรื่องอาชีพ เรื่องการศึกษาของเด็กๆ เรื่องอนุรักษ์วัฒนธรรมของชาวมอแกน ฯลฯ แค่ได้ฟังก็ยังเหนื่อยแทน

แล้วก็ถึงเวลามอบเสื้อผ้าและสิ่งของบริจาค ซึ่งมีชาวบ้านมารออยู่เป็นจำนวนมาก โดยชาวบ้านทั้งหมดก็เป็นชาวไทยและชาวมอแกนที่อพยพจากเกาะพระทองหลังประสบภัยพิบัติสึนามิเมื่อปี 2547 และอยู่ในความดูแลของหลวงพ่อ โดยท่านได้แบ่งชาวบ้าน 74 ครอบครัวเป็น 2 หมู่บ้าน คือ หมู่บ้านเทพรัตน์ และหมู่บ้านเทพประทาน พร้อมกับเลือกผู้นำหมู่บ้านให้คอยดูแลจัดการและให้ความช่วยเหลือชาวบ้านทั้งหมดอย่างเป็นระบบ ทำให้เสื้อผ้าและสิ่งของบริจาคจำนวนมากที่ทางโรงพยาบาลฯ ได้เป็นตัวแทนรวบรวมน้ำใจจากชาวภูเก็ตส่งไปถึงทางวัดนั้น ได้รับการบริหารจัดการเป็นอย่างดี โดยหลวงพ่อได้มอบหมายให้คุณครูจากศูนย์เด็กเล็กและผู้นำหมู่บ้านเป็นผู้คัดเลือกแล้วแจกจ่ายให้แก่ชาวบ้านที่ขาดแคลนได้นำไปใช้ประโยชน์อย่างทั่วถึง

สำหรับหนังสือนิทาน หนังสือความรู้ทั่วไป แบบเรียน และของเล่น ที่ได้รับบริจาคมาในครั้งนี้ บรรณารักษ์ของห้องสมุดจะนำไปไว้ในห้องสมุด (โล่งๆ) ของทางวัด ซึ่งทางโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตได้เตรียมตัวร่วมเป็นเจ้าภาพในการจัดกิจกรรมทอดผ้าป่าเพื่อขอรับบริจาคเพิ่มเติมปลายเดือนมีนาคมนี้ โดยหวังให้ห้องสมุดดังกล่าวเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และเป็นศูนย์รวมจิตใจของเยาวชนจากทั้ง 2 หมู่บ้าน รวมถึงเยาวชนจากพื้นที่ใกล้เคียงได้ใช้เวลาว่างในวันหยุดให้เป็นประโยชน์ต่อพัฒนาการทางด้านร่างกาย จิตใจ และสังคมต่อไป

อนึ่ง โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตได้จัดโครงการเสื้อผ้าลดโลกร้อน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือผู้ที่ขาดแคลนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะปลูกฝังให้คนในสังคมเห็นคุณค่าของสิ่งของเหลือใช้ที่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกและจะเป็นประโยชน์อย่างมากกับผู้ที่กำลังขาดแคลน

พบจุดหมายปลายทาง :: http://jubjub-inspiration2010.blogspot.com/2010/01/3_27.html
รวบรวมและจัดเก็บเสื้อผ้า :: http://jubjub-inspiration2010.blogspot.com/2010/02/3.html
เตรียมออกเดินทาง :: http://jubjub-inspiration2010.blogspot.com/2010/02/blog-post_05.html
ภาพบรรยากาศภายในวัดสามัคคีธรรม 6 ก.พ. 53 :: http://picasaweb.google.com/jubjub.picc/3#
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------