วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ.2553 นั่งจับยามสามสี่ตาถึงสิ่งที่ไหลผ่านเข้ามาในชีวิตเลข 3 นำหน้า..
31 วันที่ผ่านพ้นไปเพียงกระพริบตาถี่ๆ ไม่กี่ครั้ง ก็ตอกย้ำความจริงที่ว่า "วันและเวลานั้น เดินไปข้างหน้าเสมอ" แม้แต่ช่วงเวลาที่เราลองหยุดหายใจ(เล่นๆ) แต่เวลานั้นไซร้ ใยไม่เคยหยุดตาม ด้วยยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ "อยาก" แต่ยังไม่ได้ทำ เลยทำให้หวั่นๆ ว่าจะทำมันทันมั้ยล่ะเนี่ย..
ความกังวลค่อยๆ หายไป เมื่อสติมา (เมื่อสติมา ปัญญาก็เกิด.. รึเปล่า?) อาจจะไม่ใช่ปัญญาก็ได้ คงเป็นเพียง "การยอมรับ" ในสิ่งที่จะเกิด หรือไม่เกิดมากกว่า เปล่าประโยชน์หากจะหมกมุ่นและครุ่นคิด เพราะอาจทำให้เวลาที่มีค่าถูกเผาผลาญไปอย่างไร้สาระมากกว่าเดิมได้อีกด้วย
ณ วันนี้ จึงทำไปตามกำลัง ความสามารถ และเวลา ที่จะเอื้ออำนวยพรให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งบรรลุถึงเป้าหมายได้อย่างเหมาะสม การดันทุรังทำไปจนเกินขีดจำกัดไม่ก่อให้เกิดผลดีใดๆ บางครั้งยังบั่นทอนพลังงานสะสม(ด้านดี) ให้ลดน้อยถอยลงไปอีก..
เดือนนี้.. นับว่าโชคดีที่แผนกสื่อสารการตลาดได้นิมนต์พระอาจารย์วรศักดิ์ วรธมฺโม มาบรรยายธรรมที่โรงพยาบาลฯ ในหัวข้อ "โลก 3 โรค" ณ บ่ายวันหนึ่ง หลังจากไปโยน EM Ball จนภูมิแพ้กำเริบเรียบร้อยแล้ว ก็ถือโอกาสกลับมาชำระล้างตัวให้สะอาดแล้วก็รับพระมารดาไปนั่งฟังพระอาจารย์ด้วย โดยตั้งใจว่าจะชิ่งไปเคลียร์งานเมื่อพระอาจารย์แสดงธรรมไปได้สัก 10-15 นาที.. แต่จนแล้วจนรอด ก็นั่งติดหนึบอยู่กับเก้าอี้ ด้วยแนวคิดและวิธีการสอนของพระอาจารย์ทำให้อยากนั่งฟังต่อไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ฟังจนจบกระบวน 2 ชั่วโมงถ้วน ได้อะไรมาใส่กบาลมากมาย..นัก
ระยะนี้รับหน้าที่เป็นศิรานิณีให้คำปรึกษาทั่วราชอาณาจักร หลักๆ ก็เป็นที่ระบายคล้ายจิตแพทย์(ที่ฟังมากกว่าพูด) เพราะเชื่อเหลือเกินว่าเมื่อคนเราได้พูดระบายในสิ่งที่อัดอั้น ย่อมดีกว่าให้มันวิ่งหมุนวนอยู่ในหัวสมองเล็กๆ เพียงลำพังเป็นแน่ บางครั้งคนใกล้ตัวก็มีอาการดีขึ้น โดยที่เราไม่ต้องให้คำปรึกษาหรือชี้นำอะไรเลย
คิดโยงมาถึงสิ่งที่พระอาจารย์สอน หากเราหวั่นไหวไปกับทุกสิ่งที่มากระทบไม่ว่ามันจะดีหรือร้าย สุดท้ายสิ่งเหล่านั้น มันก็จะปั่นป่วนจิตเราให้หมกมุ่น "อันนี้จริง" เพราะเท่าที่เห็นหลายคนหลงละเมอเพ้อพกกับคำชม หลายคนท้อแท้แม้มีคนตักเตือนเล็กน้อย หลายคนปล่อยให้อารมณ์ทำลายความสุขหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตไปอย่างไม่น่าเชื่อ หลายคนจมจ่อมอยู่กับความทุกข์ความเกลียดชัง ทิฐิมากมายตัดช่องว่างของคำว่า "โอกาส" ไปจนหมดสิ้น เพื่ออะไร?
วันนี้ศิรานิณีได้ข้อคิดมากมายจากสิ่งที่มากระทบ และจากการเป็นที่ปรึกษาสามัญชน(ไม่ใช่ที่ปรึกษากิตติศักดิ์) เพราะหลายเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาให้เห็นนั้นเป็นตัวอย่างชั้นดี ที่เราไม่ต้องไปหาดูจากไหนให้ไกลตัว
สูตรง่ายๆ เพียงไม่กี่ข้อ ที่รอให้พิสูจน์ด้วยการลงมือปฏิบัติเอง.. แม้วันนี้ทฤษฎีจะเต็มหัว แต่ก็ยังทำได้บ้างไม่ได้บ้าง บางครั้งก็ฟุ้งไปกับสิ่งดีสิ่งร้าย แต่อย่างน้อย ณ วันนี้ ก็พอจะรู้ปัจจุบัน~ ว่ากำลังคิดและทำอะไรอยู่
ติดต่อจุ๊บ จุ๊บ โทร 076-254425 หรือ สายด่วน 1719 # 2297 เพื่อขอรับ CD ที่พระอาจารย์บรรยายในวันนั้น หลายคนเอาไปฟังอาจจะบ่นๆ ว่าทำไมพระอาจารย์ถึงพูดซ้ำๆ สอนซ้ำๆ ..ก็เพราะสิ่งที่พวกเราคิดและทำกันอยู่นั้นมันติดเป็นนิสัยอยู่ในเบื้องลึก จนคนทั่วไปมักจะคิดเข้าข้างตัวเองว่า มันเป็นธรรมดาของคน ถ้าเป็นมนุษย์มันต้องรู้สึกมันต้องคิดมันต้องทำแบบนั้นแบบนี้ พระอาจารย์จึงต้องขุดเอารากของความคิดเดิมๆ ออก แล้วค่อยๆ ปลูกฝังความคิดขั้นสามัญ ให้ทุกคนมองสิ่งที่พระอาจารย์สอนนั้นเป็นเรื่องธรรมดา(ธรรมดาจริงๆ นะ)
แค่วางตัวและหัวใจให้เป็นกลาง หากมีสิ่งมากระทบ(ไม่ว่าดีหรือร้าย) ก็ให้รับหรือแก้ไขไปตามสมควร!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น