30.1.53

เจ้าหนูตังค์ ตังค์!!

ไม่บ่อยนักที่หน้าตาบ้าบิ่นอย่างเรา จะมีเด็กน้อยมาคลอเคลีย

ตังค์ ตังค์ มานอน admit อยู่ที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต 2 คืนแล้ว แต่วันนี้ลงมาเป็นเพื่อนคุณตาที่มาหาคุณหมอโสภณ ที่ศูนย์หัวใจ เห็นตังค์ ตังค์ ในชุดเขียว พร้อมกับเข็มน้ำเกลือ(ที่ยังไม่ถอด) ในบริเวณลานด้านนอกศูนย์หัวใจ
..
ตังค์ ตังค์ ยืนอยู่คนเดียว(ทราบภายหลังว่า หนีคุณพ่อกับคุณแม่มาสังเกตการณ์อยู่ด้านนอก) เมื่อเราเดินผ่าน เจ้าหนูก็มองหน้า แค่แวะคุยด้วยหน่อยเดียว ตังค์ ตังค์ ก็โผเข้ามากอดแล้ว ไอ่เราก็ตกใจ มันรู้สึกแปลกๆ (เพราะไม่เคยมีบุตรเอง) จึงหันซ้ายหันขวา ขอตัวช่วย ~~
เมื่อเห็นบุรุษและสตรีคู่หนึ่งหันมายิ้มให้ ก็พอจะเดาได้ว่า ได้รับการอนุญาตจากผู้ปกครองเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องคดีพรากผู้เยาว์แน่นอน เลยอุ้มเจ้าหนูตังค์ ตังค์ ที่ปล่อยลูกอ้อนในทันทีที่อยู่ในอ้อมกอด

สุดท้าย ในเวลาที่หลงเด็กตัวเล็กๆ คนนึงจนโงหัวไม่ขึ้น(เว่อร์หน่อย) เลยขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่เก็บภาพเจ้าหนูตัวน้อยเอาไว้เป็นที่ระลึก โดยได้รับการอนุญาตในทันที

แต่พอลั่นชัตเตอร์ปุ๊บก็ปล่อยไก่ตัวเท่าหม้อแกงให้เดินเพ่นพ่านด้านหน้าศูนย์หัวใจเลย หุหุ เพราะดันไปถามเจ้าหนูตังค์ ตังค์ ว่า "เป็นไง หนูหล่อมั้ยลูก" พ่อกับแม่เจ้าหนูตังค์ ตังค์รีบตะโกนมาทันควัน(ดังด้วย) "น้องเป็นผู้หญิงจ่ะ"

วินาทีนั้น เหลือบเห็นรองเท้าสีชมพูแหวว.. ของเจ้าหนูในทันที
อืมม..นะ เห็นเร็วกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้!!

มกรา ที่ลาลับ!!


วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ.2553 นั่งจับยามสามสี่ตาถึงสิ่งที่ไหลผ่านเข้ามาในชีวิตเลข 3 นำหน้า..

31 วันที่ผ่านพ้นไปเพียงกระพริบตาถี่ๆ ไม่กี่ครั้ง ก็ตอกย้ำความจริงที่ว่า "วันและเวลานั้น เดินไปข้างหน้าเสมอ" แม้แต่ช่วงเวลาที่เราลองหยุดหายใจ(เล่นๆ) แต่เวลานั้นไซร้ ใยไม่เคยหยุดตาม ด้วยยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ "อยาก" แต่ยังไม่ได้ทำ เลยทำให้หวั่นๆ ว่าจะทำมันทันมั้ยล่ะเนี่ย..

ความกังวลค่อยๆ หายไป เมื่อสติมา (เมื่อสติมา ปัญญาก็เกิด.. รึเปล่า?) อาจจะไม่ใช่ปัญญาก็ได้ คงเป็นเพียง "การยอมรับ" ในสิ่งที่จะเกิด หรือไม่เกิดมากกว่า เปล่าประโยชน์หากจะหมกมุ่นและครุ่นคิด เพราะอาจทำให้เวลาที่มีค่าถูกเผาผลาญไปอย่างไร้สาระมากกว่าเดิมได้อีกด้วย
ณ วันนี้ จึงทำไปตามกำลัง ความสามารถ และเวลา ที่จะเอื้ออำนวยพรให้สิ่งใดสิ่งหนึ่งบรรลุถึงเป้าหมายได้อย่างเหมาะสม การดันทุรังทำไปจนเกินขีดจำกัดไม่ก่อให้เกิดผลดีใดๆ บางครั้งยังบั่นทอนพลังงานสะสม(ด้านดี) ให้ลดน้อยถอยลงไปอีก..
เดือนนี้.. นับว่าโชคดีที่แผนกสื่อสารการตลาดได้นิมนต์พระอาจารย์วรศักดิ์ วรธมฺโม มาบรรยายธรรมที่โรงพยาบาลฯ ในหัวข้อ "โลก 3 โรค" ณ บ่ายวันหนึ่ง หลังจากไปโยน EM Ball จนภูมิแพ้กำเริบเรียบร้อยแล้ว ก็ถือโอกาสกลับมาชำระล้างตัวให้สะอาดแล้วก็รับพระมารดาไปนั่งฟังพระอาจารย์ด้วย โดยตั้งใจว่าจะชิ่งไปเคลียร์งานเมื่อพระอาจารย์แสดงธรรมไปได้สัก 10-15 นาที.. แต่จนแล้วจนรอด ก็นั่งติดหนึบอยู่กับเก้าอี้ ด้วยแนวคิดและวิธีการสอนของพระอาจารย์ทำให้อยากนั่งฟังต่อไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ฟังจนจบกระบวน 2 ชั่วโมงถ้วน ได้อะไรมาใส่กบาลมากมาย..นัก
ระยะนี้รับหน้าที่เป็นศิรานิณีให้คำปรึกษาทั่วราชอาณาจักร หลักๆ ก็เป็นที่ระบายคล้ายจิตแพทย์(ที่ฟังมากกว่าพูด) เพราะเชื่อเหลือเกินว่าเมื่อคนเราได้พูดระบายในสิ่งที่อัดอั้น ย่อมดีกว่าให้มันวิ่งหมุนวนอยู่ในหัวสมองเล็กๆ เพียงลำพังเป็นแน่ บางครั้งคนใกล้ตัวก็มีอาการดีขึ้น โดยที่เราไม่ต้องให้คำปรึกษาหรือชี้นำอะไรเลย
คิดโยงมาถึงสิ่งที่พระอาจารย์สอน หากเราหวั่นไหวไปกับทุกสิ่งที่มากระทบไม่ว่ามันจะดีหรือร้าย สุดท้ายสิ่งเหล่านั้น มันก็จะปั่นป่วนจิตเราให้หมกมุ่น "อันนี้จริง" เพราะเท่าที่เห็นหลายคนหลงละเมอเพ้อพกกับคำชม หลายคนท้อแท้แม้มีคนตักเตือนเล็กน้อย หลายคนปล่อยให้อารมณ์ทำลายความสุขหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตไปอย่างไม่น่าเชื่อ หลายคนจมจ่อมอยู่กับความทุกข์ความเกลียดชัง ทิฐิมากมายตัดช่องว่างของคำว่า "โอกาส" ไปจนหมดสิ้น เพื่ออะไร?
วันนี้ศิรานิณีได้ข้อคิดมากมายจากสิ่งที่มากระทบ และจากการเป็นที่ปรึกษาสามัญชน(ไม่ใช่ที่ปรึกษากิตติศักดิ์) เพราะหลายเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาให้เห็นนั้นเป็นตัวอย่างชั้นดี ที่เราไม่ต้องไปหาดูจากไหนให้ไกลตัว
สูตรง่ายๆ เพียงไม่กี่ข้อ ที่รอให้พิสูจน์ด้วยการลงมือปฏิบัติเอง.. แม้วันนี้ทฤษฎีจะเต็มหัว แต่ก็ยังทำได้บ้างไม่ได้บ้าง บางครั้งก็ฟุ้งไปกับสิ่งดีสิ่งร้าย แต่อย่างน้อย ณ วันนี้ ก็พอจะรู้ปัจจุบัน~ ว่ากำลังคิดและทำอะไรอยู่
ติดต่อจุ๊บ จุ๊บ โทร 076-254425 หรือ สายด่วน 1719 # 2297 เพื่อขอรับ CD ที่พระอาจารย์บรรยายในวันนั้น หลายคนเอาไปฟังอาจจะบ่นๆ ว่าทำไมพระอาจารย์ถึงพูดซ้ำๆ สอนซ้ำๆ ..ก็เพราะสิ่งที่พวกเราคิดและทำกันอยู่นั้นมันติดเป็นนิสัยอยู่ในเบื้องลึก จนคนทั่วไปมักจะคิดเข้าข้างตัวเองว่า มันเป็นธรรมดาของคน ถ้าเป็นมนุษย์มันต้องรู้สึกมันต้องคิดมันต้องทำแบบนั้นแบบนี้ พระอาจารย์จึงต้องขุดเอารากของความคิดเดิมๆ ออก แล้วค่อยๆ ปลูกฝังความคิดขั้นสามัญ ให้ทุกคนมองสิ่งที่พระอาจารย์สอนนั้นเป็นเรื่องธรรมดา(ธรรมดาจริงๆ นะ)
แค่วางตัวและหัวใจให้เป็นกลาง หากมีสิ่งมากระทบ(ไม่ว่าดีหรือร้าย) ก็ให้รับหรือแก้ไขไปตามสมควร!!

ยาดม พี่(อุ)ดม


ยาดมสามัญประจำบ้านของพี่(อุ)ดม หาซื้อมาดมเป็นที่ระลึกโพรงตะหมูก..ได้จาก เดี่ยว 8

เพราะติดเหลืองแดงอยู่นี่เอง..


ไอเดียดี เลยขอสดุดีด้วยคน
“ประกิต อภิสารธนรักษ์” บอสใหญ่ค่ายประกิตฯ
"เพราะติดเหลืองแดงอยู่นี่ ชาตินี้ไม่ต้องไปไหน"
ขอบคุณเหล่าสหายที่ fw เมลมานะจ๊ะ..

29.1.53

เที่ยวเมืองเก่าแก้เซ็ง ต้องให้สเนลไลน์ ซาเล้ง พาไป ~

Snail Line ~ The Zaa.. Leng

คลิปสุดฮา ฝีมือคุณชาย fridayXI









เที่ยวเมืองเก่าแก้เซ็ง ต้องให้สเนลไลน์ ซาเล้ง พาไป..

ทรายเม็ดเล็กๆ

ไม่รู้จะสรรเสริญหรือสดุดีอย่างไรให้สมกับความสามารถอันน่าทึ่ง..

ขอบคุณกระทู้นี้จากพี่ปณต Stormclub ครับ

27.1.53

เก็บตัวอย่างหญ้าทะเลและโยน EM Ball ครั้งที่2


กระบวนการเก็บหญ้าทะเลร่วมกับสถาบันวิจัยทรัพยากรชายฝั่งฯ ครั้งที่ 2 ยังดำเนินต่อไป(หลังจากคุณภูเบศหายดี) หลังจากเก็บครั้งแรกไปเมื่อเดือนธันวาคม 2552 ก่อนการโยน EM Ball เพื่อใช้เป็นข้อมูลเปรียบเทียบการเจริญเติบโตของหญ้าทะเลทุกๆ เดือน ระหว่างบริเวณที่โยน EM Ball กับบริเวณที่ไม่โยน โดยพวกเราต้องเก็บตัวอย่างหญ้าทะเล 10 จุด ไปล้างน้ำ ชั่งน้ำหนัก แยกชนิดของหญ้า จากนั้นนำไปอบอีก 12 ชั่วโมงแล้วนำมาชั่งน้ำหนักอีกครั้งหนึ่ง แต่แค่ฟังก็ปวดหัวแล้ว พี่จุ๋มจึงสรุปว่า ยกเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของนักวิชาการดีกว่า คุณภูเบศ จอมพล จึงรับหน้าที่นี้ไปดูแล เพราะเครื่องไม้เครื่องมือของสถาบันวิจัยฯ น่าจะครบถ้วนกระบวนความ

สรุปว่า.. พวกเราจะต้องเกาะติดคุณภูเบศไปเก็บตัวอย่างหญ้าทะเลรวม 4 ครั้ง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แน่นอน โดยคุณภูเบศ จะนำส่งรายงานให้พี่จุ๋มเป็นระยะ

แล้วเช้าวันที่ 21 ม.ค.ก็มาเยือน เดินทางถึงบ้านป่าคลอกในเวลา 06.15 น. พระอาทิตย์กลมโตกำลังค่อยๆ ทะยอยขึ้นสู่ท้องฟ้า เดินลุยโคลนไปเก็บตัวอย่างทั้ง 10 แห่ง พร้อมความคิด(แบบเข้าข้างตัวเองว่า หญ้ามันเยอะขึ้น) ครั้งนี้เห็นร่องรอยการกินของเจ้าพะยูนหลายรอยช่วยให้ตื่นเต้นยิ่งขึ้น เสร็จภารกิจตอนเกือบ 9 โมง รอเวลาน้ำขึ้นประมาณ 13.00 น.



13.00 น. รถดับเพลิงที่บรรจุ EM ขยายเอาไว้ ก็มาถึงริมทะเล ช่วยกันฉีดแป๊บเดียวก็หมด หลังจากนั้นก็ช่วยกันขน EM Ball กว่า 8,000 ลูก ลงเรือ ซึ่งเป็นเรือของป้าแต๋วที่นั่งตำเครื่องแกงอยู่แถวนั้น วันนี้ป้าแต๋วสนับสนุนพี่เล็กให้มาขับเรือ วน วน ให้พวกเราช่วยกันโยน EM Ball จนหมดสิ้น เสร็จภารกิจอีกทีก็บ่าย 3 โมง ลอบถามป้าแต๋วว่าเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงบ้างมั้ย? ป้าแต๋วบอกว่า "ป้าเดินลงทะเลทุกวัน ป้าก็รู้สึกว่าหญ้ามันเยอะและเขียวขึ้นจริงๆ นะ" ได้ยินดังนั้น ก็พาให้ชื่นใจ แต่อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลการพิสูจน์จากห้องปฎิบัติการของคุณภูเบศ จะได้ยืนยันอย่างเต็มปากเต็มคำสักที :) yeh!!



พบกันอีกครั้งในวันที่ 20 ก.พ.นะจ๊ะ เจ้าหญ้าทะเลแสนงาม ~ ~

ภาพบรรยากาศ >> http://picasaweb.google.com/jubjub.picc/OuadrantEMBall2#

คนตาบอดกับล็อตเตอรี่

ไม่บ่อยนักที่จะเห็นคนตาบอดขายล็อตเตอรี่ในจังหวัดภูเก็ต หรือถ้าจะพูดกันจริงๆ แล้ว เราแทบจะไม่เคยเห็นเลยก็ว่าได้.. เพราะส่วนใหญ่แล้วคนตาบอดในจังหวัดภูเก็ตจะมีอาชีพนวด ซึ่งหลายต่อหลายคนก็ติดอกติดใจในฝีมือจึงได้ไปใช้บริการอยู่บ่อยๆ อีกเหตุผลนึงที่ติดไปกับความเมื่อยเสมอก็คือจะได้ช่วยให้พี่น้องที่มองไม่เห็นได้มีรายได้จากอาชีพที่มีให้เลือกเพียงน้อยนิดด้วย..
สำหรับเรื่อง ล็อตเตอรี่ เราอาจจะไม่ต้องไปขบคิดให้ยุ่งยากว่าเป็นเพราะสาเหตุใดอาชีพขายล็อตเตอรี่ในจังหวัดภูเก็ต จึงไม่ได้เป็นอาชีพหลักหรือได้รับความนิยมจากผู้พิการทางสายตาเท่าที่ควร(เหมือนจังหวัดอื่นๆ) เพราะอย่างน้อยวันนี้เราก็ได้เห็นกันแล้ว :) หลังจากไม่กี่วันที่ พี่สุคนธ์ ครอบบัวบาน ประธานสมาคมคนตาบอด จ.ภูเก็ต ได้ติดต่อมาทางพี่จุ๋ม(ปารียา จุลพงษ์) เรื่องขอพื้นที่หน้ารพ.เอาไว้สับเปลี่ยนให้สมาชิกในชมรมเข้ามาจำหน่ายล็อตเตอรี่ในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด(ปกติเรามักจะซื้อกันได้ในราคา100-120บาท) โดยก่อนวันล็อตเตอรี่ออก 5 วัน หรือก่อนวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน พี่ๆ เค้าจะสลับกันมานั่งขายกันตรงนี้หน้าโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต (บริเวณที่รอรถด้านหน้า ทางเดินจากประตูทางเข้า OPD ไปลานจอดรถ)

หลังจากวางแผงไม่ถึง 3 นาที ก็มีคนใจดีมาอุดหนุน(แวะมาตรวจตาแต่ได้ล็อตเตอรี่ไปหลายคู่เลย หุหุ)
ณ วันนี้.. ฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต จึงขอป่าวประกาศไปดังๆ หากพี่น้องชาวภูเก็ตท่านใดมีเลขดีเลขเด็ด และอยากร่วมด้วยช่วยกันสร้างโอกาสที่ดีให้แก่ผู้พิการทางสายตา สามารถขับรถโฉบเข้ามาอุดหนุนกันได้ตามวันที่แจ้งไว้ หากงวดใดแวะมาแล้วพื้นที่ตรงนี้ว่างเปล่าก็แสดงว่าขายหมดแล้วนะคะ เพราะฉะนั้นรีบๆ แวะมาอุดหนุนกันไวไวนะค้าบ!!

จุดหมายปลายทาง ::เสื้อผ้าลดโลกร้อนโครงการ3

เมื่อวันศุกร์ที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา พี่จุ๋มกับจุ๊บๆ ได้มีโอกาสเดินทางไปวัดสามัคคีธรรม(ป่าส้าน) อ.คุระบุรี จ.พังงา ตามคำแนะนำของพี่จิ๋วและคุณหมอ(ศูนย์ทันตกรรมหน้ารพ.) หนึ่งในครอบครัวใจดีที่เป็นอาสาสมัครปั้น EM Ball กับพวกเราเมื่อหลายเดือนก่อน พอได้ข่าวของวัดที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ จึงนำเรื่องมากระจายข่าวให้พวกเราได้ทราบด้วย เพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไป ส่วนพี่จิ๋วกับคุณหมอและน้องทรายได้เดินทางไปตรวจฟันให้เด็กๆ ในวัดเมื่อวันเด็กที่ผ่านมานี่เอง
ขับรถไป หาวไป 3 ชม.ถ้วน ก็ถึงวัดโดยสวัสดิภาพ ซึ่งก็เป็นเวลาฉันท์เพลพอดี หลวงพ่อ(พระครูสุวัตถิธรรมรัต)ให้คุยรายละเอียดเบื้องต้นกับน้องกุ้งในระหว่างที่ท่านฉันท์เพล แล้วสุดท้ายเราสองคนก็ได้ฝากท้องที่วัดด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นหลวงพ่อก็ได้พาเดินทัวร์ไปรอบๆ วัด ซึ่งยังคงมีบ้านชั่วคราวที่สร้างขึ้นเมื่อคราวสึนามิ รวมถึงบ้านน็อคดาวน์ที่ลอยมาภายใน 3 วัน หลังจากสมเด็จพระเทพฯ เสด็จที่วัดและทราบถึงความทุกข์ยากของประชาชน

วันนี้ชาวไทยและชาวมอแกนที่อาศัยอยู่ในวัดกว่า 2 ปี ได้ย้ายไปอยู่บ้านถาวรที่หลวงพ่อได้นำเงินบริจาคทั้งหมดซื้อที่ดินและสร้างบ้านให้กว่า 74 ครอบครัว โดยแบ่งเป็น 2 หมู่บ้าน ชื่อเทพประทานและเทพรัตน์ ทั้ง 2 หมู่บ้านอยู่ห่างจากวัดและโรงเรียนพอสมควร หลวงพ่อจึงจัดรถรับส่งให้ถึงที่ เพื่อที่เด็กๆ จะได้เข้ามาเรียนหนังสือ และในแต่ละสัปดาห์บรรณารักษ์ห้องสมุด(ในวัด) ก็จะขนหนังสือนิทานและของเล่นที่มีอยู่เพียงน้อยนิด เดินทางไปที่ 2 หมู่บ้าน เพื่อเล่านิทานให้เด็กๆ ฟัง พร้อมทั้งสอนภาษามอแกน โดยใช้วิธีฟังจากผู้ใหญ่แล้วเขียนเป็นภาษาไทย จากนั้นก็ค่อยสอนให้เด็กๆ ในหมู่บ้านอีกทอดหนึ่ง เพราะปัจจุบันเด็กๆ แทบจะไม่ได้พูดภาษาของตัวเองอีกแล้ว หลวงพ่อจึงเห็นว่า ถ้าวันนี้ไม่เริ่มปลูกฝังให้เด็กเห็นถึงคุณค่าของภาษาและวัฒนธรรมของท้องถิ่น อีกไม่นานเด็กๆ ก็จะอายที่จะพูด แล้วสุดท้ายมันก็จะหมดสิ้นไป

พี่จุ๋มกับจุ๊บๆ บุกไปดูทั้งสองหมู่บ้านมาด้วย ถึงแม้จะไม่ได้ใต้ถุนบ้านแบบที่ชาวบ้านอยากได้เพราะจำกัดที่งบประมาณการสร้าง แต่อย่างน้อยที่ดินและบ้านทุกหลังก็เป็นสมบัติส่วนรวมของทุกคน และสามารถอยู่ไปได้จนถึงบั้นปลายชีวิตโดยที่ไม่ต้องย้ายไปไหนให้ต้องเดือดร้อนอีก หลวงพ่อบอกว่า ระยะเวลา 2 ปี ที่หาทางออกให้ชาวบ้านที่มาอาศัยอยู่ในวัด ทำให้ความคิด ปัญหา และความต้องการทุกอย่าง "ตกผลึก" เพราะได้สอบถาม พูดคุย และคลุกคลีกับชาวบ้านโดยตลอด จึงส่งผลให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างรอบคอบ มองไปไกลถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต และแม้วิถีชีวิตของชุมชนจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมบ้าง แต่ก็ยังดีกว่า "ไม่หลงเหลือวิถีชีวิตแบบเดิมไว้เลย"

ณ วันนี้ หลวงพ่อยังคงให้ความดูแลและช่วยเหลือเด็กๆ ในศูนย์เด็กเล็กกว่า 150 คน ปัญหามากมายที่ทางวัดต้องแบกรับไว้ ก็มีน้อยคนนักที่จะเข้าใจและรับรู้ถึงปัญหา ระยะทางที่หลวงพ่อพาพวกเราเดินผ่านมีเรื่องราวต่างๆ มากมายที่ทำให้ต้องขบคิด ส่งท้ายกับห้องสมุดที่หลวงพ่อฝันอยากให้เป็นสถานที่ๆ เด็กๆ อยากจะเข้ามาขลุกอยู่ด้วยกันในช่วงวันหยุด แต่ห้องสมุดโล่งๆ ที่ยังต้องการหนังสือนิทาน ของเล่น แบบเรียน อีกเป็นจำนวนมาก ก็ยังต้องการความช่วยเหลือ(อย่างแรง)
*แอบกระซิบ
ทุกท่านสามารถเก็บหอมรอมริบสิ่งของเหล่านี้(หนังสือความรู้รอบตัว แบบเรียน นิทาน ของเล่น อุปกรณ์กีฬา) ไว้ล่วงหน้าได้เลยค่ะ เพราะอีกประมาณ 2-3 เดือน(หลังโครงการเสื้อผ้าลดโลกร้อน) ทางโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตจะเป็นเจ้าภาพร่วมในการทอดผ้าป่าหนังสือและของเล่น เพื่อจะได้นำไปบรรจุในห้องสมุดโล่งๆ แห่งนี้ ให้มีแรงดึงดูดเด็กๆ ได้มากยิ่งขึ้น - - แล้วจะแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอีกครั้งนะค้าบ!!

สำหรับเสื้อผ้าลดโลกร้อนโครงการ 3 ที่เปลี่ยนจุดหมายปลายทางอย่างกระทันหัน จากเดิมจะไป จ.ชุมพร ก็ต้องขออนุญาตเป็นตำแหน่งมาเป็นวัดแห่งนี้ พวกเราจะออกเดินทางกันในวันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พร้อมกับกล่องเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ จำนวนมากที่ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากชาวภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียงนำมามอบให้เราตั้งแต่ปลายปี 2552

ใครอยากขับรถเล่นสัก 3 ชั่วโมง เพื่อไปช่วยพวกเราขนของ หรือต้องการบริจาคเพิ่มเติม สามารถติดต่อมาได้ที่ พี่จุ๋ม หรือ จุ๊บๆ ฝ่ายกิจสาธารณะโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต โทร 1719 ต่อ 1284,2297
เราไม่สามารถสร้างอนาคตให้กับเยาวชนได้ แต่เราสามารถสร้างเยาวชนเพื่ออนาคตได้
แฟรงคลิน ดี.รูสเวต์ a day ฉบับที่ 112 หน้า 30
----------------------------------------------------------------------------

สำหรับเสื้อผ้ากันหนาว ผ้าห่ม ที่ได้รับบริจาคมาทั้งหมด 17 กล่อง ทางโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตได้จัดส่งของทั้งหมดไปให้วัดสามัคคีเจริญธรรม บ้านกุดผึ้ง ต.กุดผึ้ง อ.สุวรรณคูหา จ.หนองบัวลำภู เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ทางโรงพยาบาลฯ ได้จัดส่งเสื้อผ้ากันหนาวไปให้หลวงพ่อ(พระอธิการทองพูล ครุธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดสามัคคีเจริญธรรม ที่หนองบัวลำภู สืบเนื่องจากโครงการเสื้อผ้าลดโลกร้อนครั้งที่ 2 ที่พี่จุ๋มกับจุ๊บๆ ได้เดินทางไปมอบเสื้อผ้าและสิ่งของบริจาคต่างๆ ที่หมู่บ้านใกล้เคียง เมื่อหลวงพ่อทราบข่าว จึงส่งหนังสือมาถึงโรงพยาบาลฯ ซึ่งก็ประจวบเหมาะที่เวลานั้น ยังคงมีเสื้อผ้าที่หลั่งไหลมาอย่างต่อเนื่อง(ไปหนองบัวฯ รอบแรกไม่ทัน) เราจึงได้ส่งไปให้ท่านได้แจกจ่ายชาวบ้านเมื่อต้นปี 2552 และปีนี้ท่านก็ได้ส่งหนังสือมาถึงโรงพยาบาลฯ อีกเช่นเคย เราจึงแยกเสื้อผ้ากันหนาวและผ้าห่มเอาไว้ และบัดนี้ก็ได้จัดส่งให้หลวงพ่อเพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ชาวบ้านที่ขาดแคลนเรียบร้อยแล้วค่ะ :)

ตำแหน่งงานว่าง(ประกาศ26ม.ค.53)

18.1.53

พบปะครั้งที่ 2 กับตลาดนัดจิปาถะ ณ BPK



ยังคงความครึกครื้นเหมือนเดิมกับบรรยากาศสบายๆ หลังเลิกงาน ของพวกเราชาวโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ตสุดจี๊ด ที่รังสรรค์ความสนุกสนานมาทำกันอย่างต่อเนื่อง สมาชิกชีววัฒนะที่เต้นแอโรบิคขั้นเทพ หันซ้ายหันขวา ย้ายไปมาหน้าหลังก็เต้นกันอย่างมันส์ในอารมณ์ คนขาย คนซื้อก็เดินกันให้ขวักไขว่


อาหารมากมายมีมาให้เลือกสรร ขายกันไม่ถึงชม.ก็หมดเกลี้ยง และยังคงฮิตติดลมบนกับทอดมันของครูผ้าง มารดาของน้องจอย การตลาด ที่จดคิวกันมือสั่นเป็นระวิง ทอดมันร้อนๆ คิวยาวๆ สร้างสีสันให้โซนอาหารครึกครื้นยิ่งนัก ข้าวยำ ไอติม ขนมโค ลูกชิ้นนึ่ง หมี่ไท ข้าวเกรียบ ผลไม้ มีให้เลือกเพียบ!!

โซนจิปาถะ ก็ขนมาประชันกันทั้งมือสองและของใหม่เอี่ยม ต่างหู เสื้อผ้า ครีมประทินผิว รองเท้า ตุ๊กตา ปาจิงโกะ ก็วางกันให้พรืดดดด.. มีแผงเช่าพระ และวณิพกด้วย


พี่น้องท่านใดสนใจ อย่าลืมแวะมาครื้นเครงกับพวกเรานะคะ เปิดตลาดเป็นประจำทุกวันศุกร์ 17.00 – 20.00 น. ของหมดก็พับเก็บ เพราะฉะนั้นรีบมาเดินกันไวไว นะคะ อากาศกำลังดี ไม่ร้อนไม่หนาว(มีหนาวด้วยหรือ) พนักงานและญาติพนักงาน BPK ทุกคนแปลงร่างเป็นแม่ค้าหน้าใส ใจดี ตะโกนขายของกันปาวๆ และเท่าที่เดินดู ยังไม่มีอะไรที่แพงจนเกินงาม.. แต่อย่าเชื่อคำโฆษณาดีกว่าค่ะ เลี้ยวเข้ามาชมเอง แล้วจะมีของเต็มไม้เต็มมือกลับบ้าน :)

หญ้าทะเล รอเก้อ!!


เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา เป็นวันนัดหมายของพวกเรา(พี่จุ๋ม พี่กระแต จุ๊บๆ) กับคุณภูเบศ ที่จะนำพวกเราไปติดตามความคืบหน้าของเจ้าหญ้าทะเลที่ได้ไปวาง Quardrant กันไว้เมื่อวันก่อน เพราะครบกำหนด 15 วัน

ตื่นตี 4 อาบน้ำล้างขี้ตา ทำตัวให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า เพื่อไปให้ทันเวลานัด 05.30 น. ที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต จุ๊บๆ ไปถึงโรงพยาบาลก่อนเวลานัดเล็กน้อย.. ดูคุณลุงคุณป้า และสมาชิกผู้รักการออกกำลังกายหลายท่าน วิ่งวนบริเวณลานจอดรถไปมาอยู่สักพัก พี่กระแตก็มาถึง.. แล้วพี่จุ๋มก็มา

พวกเราออกจากโรงพยาบาลฯ เพื่อมุ่งสู่ ต.ป่าคลอก ขับออกจากรพ.ยังไม่ถึง Lotus เพื่อนคุณภูเบศก็โทรมาแจ้งข่าวร้ายกับเราว่า คุณภูเบศ เกิดอุบัติเหตุตอนนี้รักษาอยู่ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต และเนื่องจากสมองกระทบกระเทือนจึงยังไม่รู้สึกตัวดีเท่าไหร่.. แม่เจ้า!! เป็นข่าวร้ายที่มาพร้อมกับการตื่นเช้าของพวกเรา โชคดีที่คุณภูเบศยังจำวันและเวลานัดกับพวกเราได้ จึงให้เพื่อนโทรบอกพวกเราก่อนที่จะเดินทางไปถึงริมทะเลบ้านป่าคลอก

เปลี่ยนแผนหาขนมจีบกิน ก่อนจะแยกย้ายไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และปฏิบัติงานต่อ เพราะเพวกเราเตรียมพร้อมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นกันเต็มที่(กะลุยโคลน) ซึมจ๋อย เพราะไม่เป็นไปตามคาดหมาย

มีโอกาสไปเยี่ยมคุณภูเบศที่โรงพยาบาลวชิระ อาการไม่ค่อยสู้ดี กะโหลกร้าว ตามบวมเขียว เนื่องจากไม่ได้ใส่หมวกกันน็อค และจำไม่ได้ว่าใครชน เพราะสลบทันทีเมื่อเกิดเหตุ แต่ก็ยังลุกมาคุยกับเราได้(ก็ยังถือว่าดีอยู่)
คุณภูเบศต้องใช้เวลาพักรักษาตัวอีกสักระยะ แต่ยังเป็นห่วงหญ้าทะเลด้วยความรับผิดชอบต่อหน้าที่ พี่จุ๋มจึงบอกว่า “ไม่เป็นไร หายดีก่อน แล้วค่อยว่ากันใหม่” ณ วันนี้ จาก 15 วัน จะลงพื้นที่ดูความคืบหน้า ก็กลับกลายเป็น 1 เดือนแทน


ขอให้คุณภูเบศหายดีโดยไว และได้กลับมาร่วมงานกันเหมือนเดิมค่ะ
หญ้าทะเลของเจ้าพะยูน รอเราอยู่ .. สู้ๆ นะคะ :)